วันนี้ (16 ก.ย.64) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเปิดเมืองหัวหินรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัว ในโครงการหัวหิน รีชาร์จ (Hua Hin Recharge) วันที่ 1 ต.ค.นี้ ว่า โดยโครงสร้างของเมืองหัวหินก็ถือว่ามีความพร้อมในเรื่องของความเป็นเมืองท่องเที่ยว และก็ถือว่าเป็นเมืองเศรษฐกิจหลักให้กับประเทศไทยในเรื่องของการท่องเที่ยว แต่ที่ผ่านมานั้นก็เหมือนกับเมืองท่องเที่ยวทุกแห่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เพราะฉะนั้นการที่รัฐบาลมีนโยบายในการเปิดประเทศ หรือการนำร่องด้วยโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ หรือวันที่ 1 ตุลานี้ จะเปิดอีก 5 จังหวัดรวมทั้ง อ.หัวหิน ในส่วนของแต่ละจังหวัดก็อาจจะมีชื่อของโครงการที่ต่างกันไป แต่ของหัวหินก็ชื่อว่า”หัวหิน รีชาร์จ” ก็คือกลับมาใหม่ ผมก็คิดว่าการที่เราได้ดำเนินการตามโครงการนี้ ถ้าสามารถดำเนินการได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจเพราะว่าความพร้อมต่างๆเรามีอยู่แล้ว และที่ผ่านมานั้น ผู้ประกอบการต่างๆก็ได้รับผลกระทบกัน เกิดการว่างงานต่างๆ ฉะนั้นขึ้นอยู่กับความพร้อม เท่าที่ทราบนั้นก็ได้มีการเตรียมการในเรื่องของการฉีดวัคซีน เพราะว่าการที่เราจะเปิดประเทศได้หรือว่าเปิดเมืองท่องเที่ยวได้ อย่างน้อยเราต้องมีการฉีดวัคซีนที่บรรลุเป้าหมายในระดับหนึ่งที่จะทำให้เกิดความมั่นใจกับคนที่เขาจะเดินทางมา เราเปิดประตูบ้าน เขาจะเข้าหรือไม่เข้า เขาก็ต้องดูว่าเขาเข้ามาแล้วมีความปลอดภัยหรือเปล่า เพราะฉะนั้นการที่เราได้เร่งฉีดวัคซีนกันให้ครอบคลุมจำนวนประชากรมากกว่า 70 % ซึ่งโดยหลักการแพทย์ก็ถือว่ามีความเหมาะสมในการจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ซึ่งก็ถือว่าเป็นมาตรฐานทั่วไป “ผมคิดว่ายังพอมีเวลาอีกประมาณ 2 อาทิตย์ ทาง ศบค.ก็คงจะต้องมีมาตรการอะไรออกมารองรับการเปิดประเทศ หรือว่ารองรับการเปิดเมืองท่องเที่ยว 5 จังหวัด เพื่อที่จะสนับสนุนให้เกิดเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยในการชักชวนให้คนต่างประเทศกลับมาประเทศไทย ฉะนั้นถ้าเกิด ศบค.มีมาตรการที่ผ่อนปรน คลายล็อก ขณะเดียวกันเร่งเรื่องวัคซีน มันต้องทำคู่ขนานกันไป เร่งเรื่องวัคซีนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเพราะวัคซีนคือหลักประกัน และขณะเดียวกันถ้าวัคซีนถึงเป้า เราก็คลายล็อกต่างๆเพื่อให้เศรษฐกิจเดินคู่กันไปกับปัญหาเรื่องของโควิดได้ ซึ่งตอนนี้เท่าที่ดูจากตัวเลขผู้ติดเชื้อจากสองหมื่นกว่า ลงมาอยู่ที่หมื่นต้นๆมาหลายวันแล้วก็ถือว่าตัวเลขอยู่ในอัตราที่น่าพอใจ และก็การระดมฉีดวัคซีนตอนนี้เราก็ได้สี่สิบกว่าล้านเกือบห้าสิบล้านแล้วก็เกือบๆ 50% ของเป้าหมายแล้ว เดิมทีรัฐบาลบอกว่าปีนี้จะต้องฉีดให้ได้ร้อยล้านโดสทั้งประเทศ ตอนนี้ตัวเลขก็ดีขึ้นเยอะเกือบ 50% แล้ว ถือว่าเราเดินมาเกือบครึ่งทางแล้ว เพราะฉะนั้นคิดว่าปัจจัยต่างๆเหล่านี้ เราฉีดวัคซีนมากขึ้น อัตราการติดเชื้อก็ลดลงด้วย หรือว่าเตียงพยาบาลที่เราเตรียมไว้ก็เริ่มเหลือมากขึ้น อันนี้ถือว่าเป็นข้อมูลที่ดี ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราเริ่มที่จะแก้ไขปัญหามาตรงจุดแล้ว เพียงแต่ว่าก็ต้องเกิดความร่วมมือกัน แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องเดินเรื่องของเศรษฐกิจด้วย เพราะว่าบางทีเศรษฐกิจเราเดินช้า เราก็อาจจะมีปัญหาภายหลังโควิดมากขึ้น เพราะฉะนั้นอะไรที่สามารถดำเนินการคู่ขนานกันได้ ผมว่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในส่วนของผู้ประกอบการค้า โรงแรมต่างๆ ก็มีจัดเตรียมความพร้อมอยู่แล้วในการที่จะเวลคัมแบค หัวหินรีชาร์จ เพื่อให้ทุกคนกลับมาเที่ยวหัวหินทั้งนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและก็นักท่องเที่ยวชาวไทย หัวหินมีชื่ออยู่แล้ว และหัวหินเป็นเมืองแห่งความสุข ผมก็คิดว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีและแล้วก็ทุกคนก็คาดหวังว่าเป็นเรื่องที่ดีกับเศรษฐกิจของประเทศกับเมืองหัวหินด้วย นายอุดร ออลสัน ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงโครงการเปิดเมืองหัวหิน หรือ หัวหินรีชาร์ท ว่าขณะนี้ทุกฝ่ายมีความพร้อม สามารถดำเนินการได้ตามแผนงานที่กำหนดตานโยบายรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 64 เนื่องจากประชาชนและพนักงานในธุรกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองหัวหินฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย ขณะที่ภาครัฐเร่งส่งเสริมให้โรงแรมและร้านอาหาร สร้างมาตรฐาน SHA ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศ (ททท.) และ SHA PLUS ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ตามมาตรการป้องกันโควิด-19 โครงการหัวหินรีชาร์ทมีเป้าหมายให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา 1 แสนคน จะทำให้มีรายได้ 1,200 ล้านบาท ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 มีความเป็นไปได้สูงมาก เนื่องจากขณะนี้มี 7 สายการบินจากประเทศจีน ฮ่องกง อินเดีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย มีแผนธุรกิจนำผู้โดยสารทั้งประเภทเช่าเหมาลำและ เที่ยวปกติสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน บินตรงจากประเทศต้นทางลงที่สนามบินหัวหินตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป จะทำให้นักท่องเที่ยวมีความสะดวกมากกว่าการบินลงที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ