วันที่ 15 ก.ย.64 นายแพทย์เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เปิดเผยว่า โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ประสบความสำเร็จในการทำวิจัยฉีดวัคซีนเข็ม 3 ด้วย วัคซีน Astrazeneca แบบฉีดเข้าผิวหนังโดยใช้ปริมาณวัคซีนเพียง 20% นำโดย พญ.ศุภลักษณ์ ละอองเพชร และ พญ.วิทิตา แจ้งเอี่ยม ที่ได้ริเริ่มงานวิจัยนี้เพื่อเป็นทางเลือกในการบริหารวัคซีนของจังหวัดภูเก็ต และน่าเป็นทางเลือกของประเทศไทยในการใช้วัคซีนเข็มที่ 3 ที่ใช้ปริมาณน้อยลงถึง 5 เท่า โดยขณะนี้อยู่ในช่วงดำเนินการขอเป็นลายลักษณ์อักษรกับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งภูเก็ตอาจเริ่มฉีดวัคซีนใต้ผิวหนังเป็นที่แรกในการฉีดใต้ผิวหนัง หากกระทรวงสาธารณสุขอนุมัติ ด้าน แพทย์หญิง วิทิตา แจ้งเอี่ยม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวว่า การวิจัยนี้ได้มีอาสาสมัครอายุระหว่าง 18-60 ปี จำนวน 242 คนที่เคยได้รับวัคซีนSinovac แล้ว 2 เข็มเข้าร่วมโครงการ โดยมีอาสาสมัครเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ได้รับการฉีดแบบทั่วไป (แบบเข้ากล้ามเนื้อ) จำนวน 120 คนโดยได้รับวัคซีน 0.5 ml และกลุ่มที่ 2 ได้รับการฉีดแบบใต้ผิวหนัง จำนวน 122 คน โดยได้รับวัคซีน 0.1 ml หรือ 1 ใน 5 ของการฉีดแบบทั่วไป ผลการทดลองพบว่า ภูมิต้านทานของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแบบใต้ผิวหนังมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าผู้ที่รับการฉีดวัคซีนแบบทั่วไปเล็กน้อย โดยผู้ที่รับการวัคซีนแบบใต้ผิวหนังมีภูมิคุ้มกันเฉลี่ย 17,662.3 AU/ml และผู้ที่รับการฉีดวัคซีนแบบทั่วไปมีภูมิคุ้มกันเฉลี่ย 17,214.1 AU/ml โดยผู้รับวัคซีนทั้งสองกลุ่มมีค่าภูมิคุ้มเกินเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนด (840 AU/ml) นอกจากนี้ผลข้างเคียงในการฉีดวัคซีนแบบใต้ผิวหนัง ยังมีน้อยกว่าการฉีดแบบทั่วไป แพทย์หญิง วิทิตา กล่าวอีกว่า ในภาวะที่วัคซีนมีจำนวนจำกัด การใช้เทคนิคการฉีดแบบใต้ผิวหนังจะใช้วัคซีนที่น้อยกว่า ทำให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบปกติได้เร็วขึ้น และน่าจะเป็นวิธีการสำคัญในการแก้ปัญหาวัคซีนขาดแคลนของมนุษยชาติที่จะรับมือกับโควิด 19 โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดเชื้อสายพันธุ์เดลต้า