นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 14 ก.ย.64 ระบุ "ขยะติดเชื้อเผาไม่ทัน สาเหตุมาจากราชการเชื่องช้า ไม่หาทางออก.. 1.ขยะติดเชื้อจากสถานที่ต่างๆ เกิดขึ้นในภาวะที่โควิด 19 ระบาด ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันเกิดขึ้นจำนวนมาก ทั้งหมดจะถูกนำไปกำจัดโดยเตาเผาขยะติดเชื้อที่มีอยู่ทั่วประเทศ 14 แห่ง และมีศักยภาพเผาได้เต็มที่ไม่เกิน 278 ตันต่อวัน ขณะที่ขยะติดเชื้อเกิดขึ้นในช่วงนี้มีถึง 300-330 ตันต่อวัน ทำให้มีขยะติดเชื้อตกค้างเผาไม่ทันเฉลี่ย 54 ตันต่อวัน ถูกกองไว้ที่หน้าเตาเผาต่างๆ เช่น เตาเผาอบจ.ระยองตกค้างถึง 500 ตัน จังหวัดนนทบุรีตกค้างถึง 600 ตัน รวมทั้งที่นครสวรรค์ หาดใหญ่ ขอนแก่น ยะลา วารินชำราบ เป็นต้น มีขยะติดเชื้อตกค้างจำนวนมาก 2.จากการประชุมหารือร่วกันระหว่างหน่วยงานราชการหลายครั้ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ขอให้กรมอนามัย (ในฐานะที่เป็นผู้ออกกฏกระทรวงการจัดการมูลฝอยติดเชื้อ 2545 ซึ่งกำหนดให้นำขยะติดเชื้อไปเผาในเตาเผาขยะติดเชื้อและการกำจัดตามที่สธ.เห็นชอบเท่านั้น) เสนอศบค.ชุดใหญ่ เพื่ออาศัยอำนาจในภาวะฉุกเฉินและการควบคุมโรคระบาดช่วยเปิดทางให้นำขยะติดเชื้อไปเผาในเตาเผาขยะชุมชนที่ผลิตไฟฟ้าและเตาเผาขยะโรงงานอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ เช่น เตาเผาปูนซีเมนต์ เป็นต้น ซึ่งภาคเอกชนหลายแห่งยินดีดำเนินการ จะสามารถลดขยะติดเชื้อตกค้างลงมาได้มาก แต่ในความเป็นจริง จนบัดนี้ยังไม่มีการนำเสนอ ศบค. ชุดใหญ่ให้มีมติเปิดทางแต่อย่างใด ทำให้กรมโรงงานและสำนักงานกำกับกิจการพลังงานซึ่งต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงของตนเองที่ห้ามเอาขยะติดเชื้อมาเผาในขยะอุตสาหกรรมและขยะชุมชนไม่สามารถขอให้โรงงานดังกล่าวช่วยเผาขยะติดเชื้อส่วนที่เกินได้เพราะผิดกฏหมาย 3.ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขได้มีหนังสือลงวันที่ 6 กันยายน 2564 ถึงสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)ทั่วประเทศ ขอให้นำประเด็นปัญหาขยะติดเชื้อที่เกิดขึ้นเข้าประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อมีมติให้มีการเก็บขนและกำจัดขยะติดเชื้อที่ตกค้างโดยโรงงานที่ตั้งในพื้นที่ได้ การดำเนินการเช่นนี้เป็นการผลักภาระให้จังหวัดไปจัดการขยะติดเชื้อส่วนเกินโดยลำพังหรือไม่ ซึ่งจะขัดแย้งกับกฏกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการจัดการมูลฝอยติดเชื้อ 2545 และประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องการการกำจัดสิงปฏิกูลไม่ใช้แล้ว 2548 รวมทั้งประกาศกระทรวงพลังงานกำหนดข้อปฎิบัติของการผลิตไฟฟ้าจากขยะของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน 2559 เรื่องนี้ ควรเป็นหน้าที่ของกรมอนามัยซึ่งเป็นหน่วยงานกลางที่ต้องผลักดัน ไม่ใช่ไปโยนให้แต่ละจังหวัดจัดการโดยลำพัง"