เวียนมาบรรจบครบรอบอีกปีแล้ว สำหรับ การรำลึกถึงเหตุวินาศกรรมจากการก่อการร้ายสะท้านโลก อย่างเหตุการณ์ที่เรียกว่า “เหตุวินาศกรรม 11 กันยาฯ” หรือที่บางคนเรียกกันสั้นๆ ว่า “ไนน์วันวัน” หรือที่บางคนก็เรียกว่า “ไนน์อีเลฟเวน” หรือใช้ตัวย่อเป็นตัวเลขว่า “9/11” ซึ่งเรียกตามลำดับวันที่และเดือนที่เกิดเหตุสะเทือนขวัญ นั่นคือ วันที่ 11 กันยายน 2001 (พ.ศ. 2544) นับถึงวันนี้ก็ครบ 20 ปีเต็มแล้วที่สมาชิกก่อการร้ายจากขบวนการก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรง “อัลกออิดะฮ์” จำนวน 19 คน ลงมือก่อเหตุจี้เครื่องบินโดยสารรวมทั้งสิ้น 4 ลำ จากนั้นก็บังคับให้ไปพุ่งชนสถานที่สำคัญๆ ในสหรัฐอเมริกาหลายแห่ง โดยเครื่องบินโดยสาร 2 ลำแรก พุ่งชนตึกแฝด ของอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ในมหานครนิวยอร์ก รัฐนิวยอร์ก จนเครื่องบินระเบิด และเกิดเพลิงไหม้อาคารทั้งสองหลังคู่ พังถล่มลงมา ซึ่งเหตุวินาศกรรม ณ จุดนี้ ยังเป็นภาพที่จำติดตามาถึง ณ ปัจจุบัน ส่วนเครื่องบินโดยสารลำที่ 3 ถูกบังคับให้ไปพุ่งชนอาคาร “กระทรวงกลาโหม” หรือ “เพนตากอน” ซึ่งตั้งอยู่ในนครอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย ขณะที่ เครื่องบินโดยสารลำที่ 4 ไปตกที่ท้องทุ่งใกล้กับแชงค์วิลล์ รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งตามความคาดหมายก็ระบุว่า กลุ่มก่อการร้ายต้องการให้ไปพุ่งชนอาคารรัฐสภา หรือสภาคองเกรส ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของประเทศ แต่ปรากฏว่า ผู้โดยสารบนเครื่องบินมีการต่อสู้ ได้พยายามยึดเครื่องบินกลับคืนมาจากสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายที่กำลังจี้เครื่องบิน จนเครื่องบินได้ไปตกที่ท้องทุ่งดังกล่าวเสียก่อน ผลของวินาศกรรมบันลือโลกข้างต้น ก็ทำให้มีผู้คนต้องล้มตายมากเกือบ 3,000 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 25,000 คน รวมถึงยังส่งผลก่อให้เกิดสงครามอิรัก และสงครามอัฟกานิสถาน ตามมา โดย “สงครามอัฟกานิสถาน” นั้น เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อสิ้นเดือน ส.ค. ที่ผ่านมานี้เอง ที่สหรัฐฯ ถอนกำลังชุดสุดท้ายออกพ้นดินแดนเอเชียกลางแห่งนี้ หลังทำศึกขับเคี่ยวกับกลุ่มตาลิบัน และกลุ่มอัลกออิดะฮ์ ในอัฟกานิสถาน ยาวนานถึง 20 ปี อันเป็นสงครามนอกดินแดน ที่สหรัฐฯ มีปฏิบัติการทางทหารยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการทหารสหรัฐฯ พร้อมกันนั้น ก็มีการไล่ล่านายอุสมะฮ์ บิน ลาเดน ผู้นำขบวนการก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรงอัลกออิดะฮ์ ก่อนเด็ดหัวปลิดชีพได้เป็นผลสำเร็จ ในบริเวณพรมแดนปากีสถาน ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกับชายแดนอัฟกานิสถานเมื่อ 2 พ.ค. 2011 (พ.ศ. 2554) หรือหลังจากเหตุวินาศกรรม 9/11 เกือบ 10 ปีเต็ม แม้เหตุวินาศสะท้านขวัญผ่านพ้นไปถึง 20 ปีแล้ว แต่ปรากฏว่า อเมริกันชนจำนวนไม่น้อย ยังจำฝังใจ กับภาพจำที่ยังคงขย้ำจิตใจของพวกเขาดังกล่าว ซึ่งสะท้อนออกมาได้ผ่านการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนชาวอเมริกันครั้งล่าสุด โดย “กัลลัป” บริษัทผู้ให้คำปรึกษาและการวิเคราะห์ ซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐฯ จัดทำเป็น “กัลลัปโพลล์” ขึ้นมา ก่อนที่จะมีการเผยแพร่ โดย “กัลลัปโพลล์” ระบุว่า กลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถามร้อยละ 26 หรือกว่า 1 ใน 4 ของชาวอเมริกัน ยังลังเล หรือไม่เต็มใจสักเท่าไหร่ ในการเดินทางโดยสารทางเครื่องบิน เรียกว่า จิตใจยังหวั่นๆ ว่าจะไม่ปลอดภัยจากการถูกก่อการร้ายทางอากาศ ไล่เลี่ยใกล้เคียงกับคำตอบที่ได้ในเรื่องเกี่ยวกับการอยู่บนตึก หรืออาคารสูงๆ ซึ่งปรากฏว่า ร้อยละ 27 ของกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม ยังคงมีความรู้สึกหวาดผวาว่า อาจจะตกเป็นเป้าหมายการถล่มโจมตีจากกลุ่มก่อการร้าย และเมื่อถามว่า ยังหวั่นวิตกเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางไปต่างประเทศอยู่หรือไม่ ก็ปรากฏว่า จำนวนร้อยละ 36 ของกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถามมีความวิตกกังวลอยู่ ใช่แต่เท่านั้น ร้อยละ 37 ของกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม ก็ยังระบุว่า ไม่สบายใจสักเท่าไหร่ ที่จะไปเข้าร่วมกิจกรรมที่มีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ เพราะกลัวว่าตกเป็นเป้าหมายการโจมตีจากกลุ่มก่อการร้าย นั่นเอง ทาง “กัลลัปโพลล์” ยังเผยด้วยว่า กลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถามว่า ยังมีความหวาดกลัวต่อการถูกโจมตีจากกลุ่มก่อการร้ายข้างต้นนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ที่มีรายได้ต่ำ และมีการศึกษาต่ำกว่าระดับอุดมศึกษา หรือต่ำกว่าระดับปริญญาตรีที่มีความคิดเห็นเช่นนั้น นอกจากนี้ ในเรื่องเกี่ยวกับการทำสงครามต่อต้านกลุ่มก่อการร้าย จากผลสำรวจของ “กัลลัป” ก็พบว่า ชาวอเมริกันเห็นว่า กองทัพอันเกรียงไกรของพวกเขานั้น มีชัยชนะเหนือกลุ่มก่อการร้ายลดลงกว่าการสำรวจครั้งก่อนๆ โดยลดลงเหลือร้อยละ 28 เท่านั้น จากเดิมที่สำรวจครั้งก่อนอยู่ที่ร้อยละ 42 พร้อมกันนี้ ทาง “กัลลัปโพลล์” ยังเผยด้วยว่า จำนวนของผู้ที่เห็นว่า กองทัพสหรัฐฯ มีชัยชนะเหนือกลุ่มก่อการร้ายที่ลดน้อยลงนั้น มีทุกกลุ่มทางการเมือง คือ ไม่ว่าจะเป็นผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต หรือพรรครีพับลิกัน ล้วนเป็นไปในทิศทางนี้ทั้งสิ้น เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นในฝีไม้ลายมือของรัฐบาลวอชิงตัน ทางการสหรัฐฯ ทางกลุ่มตัวอย่างก็ตอบว่า มีความเชื่อมั่นลดลงจากการสำรวจครั้งก่อนๆ โดยลดลงมาเหลือที่ร้อยละ 59 จากเดิมที่เคยเชื่อมั่นถึงร้อยละ 75 หรือบางครั้งเคยพุ่งสูงขึ้นไปถึงร้อยละ 88 ก็มีสำหรับความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลทางการสหรัฐฯ ในการสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ ต่อเนื่องเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชาวอเมริกัน ก็ได้รับคำตอบผ่านทาง “กัลลัปโพลล์” ว่า ร้อยละ 36 ของกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม ระบุว่า มีความกังวลว่าจะตกเป็น “เหยื่อ” การโจมตีจากกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งตัวเลขนี้ปรากฏว่า เท่ากับการสำรวจของกัลลัปโพลล์เมื่อ 10 ปีก่อน โดยจากสถิติตัวเลขที่สำรวจออกมา ก็เป็นเครื่องแสดง สะท้อนให้เห็นว่า ชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อยยังคงถูกภาพเหตุการณ์วินาศกรรม 9/11 เมื่อ 20 ปีก่อน คอยตามหลอกหลอนสั่นประสาทให้หวาดผวาสืบมาถึง ณ ปัจจุบันไม่เว้นวาย