ศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ผ่านพ้นนัดที่ 3 ของฤดูกาลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเวลานี้ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ผงาดขึ้นมาเป็นจ่าฝูงของตารางจากคว้าชัยชนะได้ 3 เกมติดต่อกัน ส่วน อาร์เซนอล ภายใต้การคุมทีมของ “มิเกล อาร์เตตา” ต้องลงไปจมบ๊วยของตารางด้วยผลงานแพ้รวดทั้ง 3 เกม เสียไปมากถึง 9 ประตู และยังยิงไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียว เรียกว่ากำลังอยู่ในช่วงวิกฤตจริงๆ ทั้งๆ ที่ใช้งบเสริมทัพ ในตลาดถึง 130 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 5.69 พันล้านบาท มากที่สุดในลีก กวาดนักเตะมาร่วมทีม 6 คน ทั้ง นูโน ตาวาเรส, แซมบี โลกองกา, เบน ไวท์, มาร์ติน โอเดการ์ด, อารอน แรมส์เดล และ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ และจากฟอร์มอันย่ำแย่และน่าผิดหวัง ทำให้มีเสียงเรียกร้องจากแฟนบอลให้กลับไปดึง “อาร์แซน เวนเกอร์” ตำนานผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวฝรั่งเศส ให้กลับมากอบกู้วิกฤติแทน “มิเกล อาร์เตตา” แต่ล่าสุด อดีตตำนานผู้จัดการทีม ผู้เคยพา “ปืนใหญ่” คว้าแชมป์ลีกแบบไร้พ่ายในอดีตเมื่อซีซั่น 2003-04 ออกมายืนยันกับสื่อเมืองเบียร์ว่า “ผมอายุ 71 แล้ว ผมให้ทุกสิ่งที่ดีที่สุดแก่สโมสรไปตลอดชีวิตแล้ววันนี้ สโมสรอยู่ในสภาพที่ดี พวกเขาแค่เจอเกมยาก 2 เกมเร็วไปหน่อย ทีมนี้มีศักยภาพ ผมเชื่อว่าพวกเขาจะกลับมาได้ ส่วนตัวผมตอนนี้ก็เป็นแค่แฟนบอลเท่านั้น” นอกจาก “เวนเกอร์” แล้ว ยังมีชื่อ “อันโตนิโอ คอนเต” หลังจากเพิ่งว่างงาน แยกทางกับ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน เมื่อช่วงจบซีซั่นที่ผ่านมา เพราะมีปัญหากับบอร์ดบริหารของทีม โดยชื่อชั้นของ “คอนเต” ต้องยอมรับว่า เป็นกุนซือที่ประสบความสำเร็จทั้งในระดับสโมสรกับ “ม้าลาย” ยูเวนตุส “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี และอินเตอร์ รวมถึงทีมชาติอิตาลี และนับตั้งแต่หมดยุคของ “ เวนเกอร์” อาร์เซนอลก็ยังไม่มีผู้จัดการทีมระดับท็อป และเคยผ่านการพิสูจน์ตัวเองในระดับโลกมาคุมทีมเลย ทำให้อาจจะถึงเวลาแล้ว ที่ "ปืนใหญ่" จะยอมทุ่มงบ เพื่อดึง “คอนเต” เข้ามาคุมทัพ เพื่อพาทีมกลับมาสู่ ในจุดที่ควรจะเป็นอีกครั้ง จุดเด่นของ “คอนเต” อันลือลั่นตอนอยู่อิตาลี คือการใช้ระบบการเล่น 3-5-2 ซึ่งในยุคที่วงการฟุตบอลสมัยใหม่ แต่ละทีมมักจะใช้ 4-3-3 หรือ 4-2-3-1 กันหมดแล้ว การย้อนยุคกลับมาใช้ระบบ 3 เซ็นเตอร์แบ็ก ถือว่าไม่ใช่เรื่องปกติมากนัก แต่ทว่า 3-5-2 ของคอนเตกลับได้ผลดีมากในเซเรีย อา และแน่นอนว่า แฟนๆ “ปืนใหญ่” คงยากที่จะลืมแท็กติก 3-5-2 อันลือลั่นของเขา เพราะมันคือกลยุทธ์ทีเด็ด ที่ทำให้ทุกทีมในอังกฤษต้องยอมศิโรราบ อีกทั้งจุดที่น่าสนใจที่สุด คือ "ความกล้า" ที่จะเปลี่ยนแปลง กล้าที่จะทดลอง มันนำมาซึ่งชัยชนะอันน่าจดจำในท้ายที่สุด “คาแรกเตอร์” ของคนที่ไม่ยอมหยุดนิ่ง และพร้อมเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อก้าวไปสู่สิ่งที่ดีกว่า นี่ล่ะ คือตัวตนของ “ชาย” ที่จะมากอบกู้” สโมสร “ปืนใหญ่” อย่างแท้จริง