ลงพื้นที่นครปฐม พบปัญหาอุปสรรค ย้ายรร.ระหว่างอนุมัติโครงการ หรืออยู่ในพื้นที่กันดารห่างไกล อาจทำให้รายชื่อตกหล่น ให้มีการประสานกัน อาจล่าช้าแต่ต้องให้ถึงครบถ้วนทุกคน ระบุได้รับร้องเรียนค้างค่าเทอม รร.ไม่ให้ สั่งกำชับเด็ดขาดต้องจ่าย เป็นเงินช่วยเหลือที่ภาครัฐช่วย พร้อมให้เร่งโอนเงินให้ถึงมือผู้ปกครอง-นร.เต็มจำนวนโดยเร็วที่สุด ห้ามหัก
เมื่อวันที่ 6 ก.ย.64 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ พร้อมนายสุภัทร จำปาทอง ปลัดก.ศึกษาธิการ, นายอัมพร พินะสา เลขาธิการ กพฐ., นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการ กช., นางเกศทิพย์ ศุภวานิช โฆษกก.ศึกษาธิการ ลงพื้นที่ติดตามโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของผู้ปกครองและนักเรียนในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ณ โรงเรียนวัดธรรมศาลา สังกัด สพป.นครปฐม เขต 1, วิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐม สังกัด สอศ., โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย สังกัด สพม.นครปฐม และโรงเรียนสุคนธีรวิทย์ สังกัด สช.
รับชมภาพเพิ่มเติมที่ Facebook
น.ส.ตรีนุชกล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ เพื่อติดตามการจ่ายเงินเยียวยาผู้ปกครองและนักเรียน ทั้งสายสามัญศึกษาและสายอาชีพ ในสถานศึกษาของรัฐและเอกชน ประมาณ 10.8 ล้านคน รวมเป็นเงินประมาณ 21,600 ล้านบาท เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในสถานการณ์โควิด ซึ่งก.ศึกษาธิการได้ติดตามการดำเนินงานมาโดยตลอด ว่ามีปัญหาติดขัดหรือไม่อย่างไรในการรับเงินเยียวยา และเพื่อต้องการให้กระบวนการต่างๆ ที่เร่งรัดดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลดังกล่าว โปร่งใส ยืดหยุ่น และสะดวกที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินเข้าสู่บัญชีของผู้ปกครอง หรือการรับเป็นเงินสด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ละสถานศึกษาต้องมีมาตรการในการจ่ายเงินเยียวยา อาจจะแบ่งตามระดับชั้น เพื่อไม่ให้มีความแออัดมากเกินไป
สำหรับปัญหาและอุปสรรคที่พบคือ บางโรงเรียนมีเด็กบางคนที่ต้องย้ายโรงเรียนในระหว่างที่มีการอนุมัติโครงการ หรือเป็นโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล อาจจะทำให้รายชื่อตกหล่นและไม่สัมพันธ์กัน เพราะฉะนั้นโรงเรียนทั้งสองแห่งจะต้องประสานงานกัน กรณีนี้อาจเกิดความล่าช้าไปบ้าง แต่เพื่อให้กระบวนการดังกล่าวมีความถูกต้องมากที่สุด และให้เงินลงไปถึงมือผู้ปกครองและนักเรียนครบถ้วนทุกคน
สำหรับกรณีที่ผู้ปกครองยังค้างชำระค่าเทอม ซึ่งได้รับร้องเรียนมาว่าสถานศึกษาบางแห่ง มีการระงับการจ่ายเงิน ในส่วนนี้ได้กำชับและสั่งการอย่างเด็ดขาดกับผู้บริหารสถานศึกษาไว้แล้วว่า ไม่ต้องระงับไว้ เพราะเงินส่วนนี้เป็นเงินที่รัฐบาลตั้งใจที่จะช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและเยียวยาให้กับผู้ปกครองและนักเรียน ตั้งแต่ปฐมวัยจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รวมทั้งระดับ ปวช./ปวส.ทุกคน ทุกสังกัด
“ได้กำชับผู้บริหารสถานศึกษาทุกแห่ง ทุกสังกัดทั่วประเทศ เมื่อได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณตามมาตรการให้ความช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาจากรัฐบาลไปแล้ว ให้เร่งดำเนินการโอนเงินหรือจ่ายเงินสด 2,000 บาท ให้ถึงมือผู้ปกครอง นักเรียน และนักศึกษา อย่างเต็มจำนวนโดยเร็ว โดยไม่มีการหักเงินค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ตั้งเป้าไว้ว่าผู้ปกครองจะได้รับเงินภายในวันที่ 7 กันยายน 2564 เพราะรัฐบาลต้องการให้เงินนี้เป็นการชดเชยค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาที่เพิ่มขึ้นในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19”