สัปดาห์พระเครื่อง
โดย ราม วัชรประดิษฐ์
พระพุทธชินราชอินโดจีน ปี 2485 นับเป็นพระยอดนิยมมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน อาจสืบเนื่องจากปัจจัยสำคัญ 4 ประการ คือ หนึ่ง .. เจตนาการสร้างที่ต้องการให้ทหารและประชาชนได้มีพระเครื่องไว้บูชาติดตัวในยามเกิดสงคราม เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจและปกป้องภยันตราย สอง .. เป็นการจำลองรูปแบบ “พระพุทธชินราช” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวเมืองพิษณุโลก ที่มีความงดงาม ศักดิ์สิทธิ์ และสำคัญต่อพุทธศาสนิกชน สาม .. ด้วยพิธีกรรมที่ถือว่ายิ่งใหญ่อลังการมากในสมัยนั้น เป็นการรวมพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังร่วมสมัยจำนวนมากเข้าร่วมปลุกเสกอธิษฐานจิต และ สี่ .. พุทธคุณและพุทธานุภาพเป็นเลิศเป็นที่ประจักษ์ ดังบทกวีที่ว่า ...
พุทธชินราชเสริกไสร้ ปฏิมา
งามเงื่อนตามสมญา ยิ่งแท้
พุทธคุณกว่าใคร กำหนด พระเอย
คุ้มใจคุ้มภัยแน่ ศึกสิ้น อินโดจีน
การจัดสร้าง พระพุทธชินราชอินโดจีน ปี 2485 นั้น ทางคณะกรรมการ “พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย” เป็นผู้ริเริ่ม โดยจำลองรูปแบบจาก พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก พระพุทธรูปปางชนะมาร ที่ได้รับการยกย่องว่างดงามที่สุดในโลก โดยมี ท่านเจ้าคุณศรีสัจจญาณมุนี (สนธิ์) วัดสุทัศนเทพวราราม เป็นแม่งานผู้ดำเนินการ โดยจัดสร้างเป็น 2 แบบ คือ แบบพระบูชา และ แบบพระเครื่อง
“แบบพระบูชา” ลักษณะเป็นพระพุทธรูปขัดเงา จำลององค์พระพุทธชินราช ขนาดพระบูชา สำหรับสักการบูชาในเคหสถาน จัดสร้างตามจำนวนการสั่งจอง ด้วยการแสดงความจำนงเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมส่งเงินไปยังคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ในพระบรมมหาราชวัง
“แบบพระเครื่อง” มีการสร้างเป็น 2 ประเภท คือ วิธีหล่อ ที่เรียก “พระพุทธชินราชอินโดจีน” และ วิธีการปั๊ม หรือ “เหรียญพระพุทธชินราชอินโดจีน”
“พระพุทธชินราชอินโดจีน” เป็นพระหล่อเนื้อโลหะผสม โดยมีทองเหลืองเป็นหลัก จัดสร้างจำนวนมาก แต่คัดสภาพสมบูรณ์เหลือเพียง 84,000 องค์ ลักษณะจะคล้ายพระยอดธง ด้านหน้า จำลององค์พระพุทธชินราช มีซุ้มเรือนแก้ว เหนืออาสนะบัว 2 ชั้น ใต้ฐาน ปั๊ม “อกเลา” บานประตูพระวิหาร วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ และ “ธรรมจักร” ส่วน “เหรียญพระพุทธชินราชอินโดจีน” สร้างเป็นเนื้อทองแดงรมดำ จำนวน 3,000 เหรียญ ลักษณะเป็นเหรียญปั๊ม รูปทรงเสมา ด้านหน้า เป็นรูปจำลองพระพุทธชินราช มีซุ้มเรือนแก้ว เหนืออาสนะบัว 2 ชั้น ด้านหลัง เป็นรูป “อกเลา” บานประตูพระวิหาร วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ และอักษรไทยว่า “อกเลาวิหารพระ พุทธชินราช”
โดยได้ประกอบพิธีเททองหล่อตาม ‘ตำราการสร้างพระกริ่ง พระชัยวัฒน์’ ของวัดสุทัศน์อย่างสมบูรณ์ ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก ในวันเสาร์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 3 ตรงกับวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2485 จากนั้นประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถ วัดสุทัศนเทพวราราม ในวันที่21 มีนาคม พ.ศ.2485 โดยมี ท่านเจ้าประคุณ สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทวมหาเถร) เป็นองค์ประธาน เจ้าคุณศรีสัจจญาณมุนี (สนธิ์) เป็นแม่งาน ทั้งได้รับเมตตาจากพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังผู้ทรงวิทยาคมในยุคนั้นรวมแล้ว 108 รูป ร่วมมอบแผ่นยันต์ และเดินทางเข้าร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก มีอาทิ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ) วัดเทพศิรินทร์, สมเด็จพระสังฆราช (ชื่น) วัดบวรนิเวศฯ, หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ, หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว, หลวงพ่อจาด วัดบางกะเบา, หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงปู่นาค วัดระฆังฯ, หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด, หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ, หลวงพ่อพุ่ม วัดบางโคล่, หลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว, หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ, หลวงพ่อฉาย วัดพนัญเชิง ฯลฯ เรียกได้ว่า เป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดพิธีหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทยเลยทีเดียว
ทั้งนี้ วัตถุประสงค์เบื้องต้นก็เพื่อต้องการให้ทหารและประชาชน ได้มีพระเครื่องไว้บูชาติดตัวเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในยามเกิดสงครามอินโดจีนเท่านั้น แต่ปรากฏว่าหลังจากสงครามอินโดจีนสงบลง ได้เกิด ‘สงครามเกาหลีและสงครามเวียดนาม’ ซึ่งทหารและประชาชนที่ได้บูชา ‘พระพุทธชินราชอินโดจีน’ ต่างมีประสบการณ์ปาฏิหาริย์เป็นที่ปรากฏ จนเป็นเรื่องเล่าขานกันมากมาย ส่งผลให้ พระพุทธชินราชอินโดจีน ปี 2485 ได้รับความนิยมและแสวงหาอย่างสูงสืบมาถึงปัจจุบัน การทำเทียมเลียนแบบจึงเกิดขึ้นตามมามากมาย ประการสำคัญคือ ฝีมือการปลอมทำได้ใกล้เคียงกับของแท้มากด้วย บางองค์เป็นพระแท้แต่โค้ดปลอมก็มี เพื่อเพิ่มค่านิยม และบางองค์ปลอมทั้งพระ ปลอมทั้งโค้ดก็มี ดังนั้น การจะเช่าหาถ้าไม่แน่จริงหรือยังไม่แน่ใจ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจโดยลำพังทีเดียว ควรหากูรูที่ไว้ใจได้ หรือขอหลักประกันจากผู้ขายว่าถ้าพระไม่แท้ต้องรับคืนเงิน ก็ยังพอทำเนาอยู่
พระพุทธชินราชอินโดจีน ปี 2485 นั้น แบ่งออกได้หลายพิมพ์ แต่ที่เป็น “พิมพ์นิยม” คือ “พิมพ์สังฆาฏิยาว หน้านาง นิยม A” ซึ่งมีจุดพิจารณาตำหนิแม่พิมพ์ดังนี้
1. เส้นคู่ขนานจะพบที่เส้นรองซุ้มเรือนแก้วด้านบนขวาขององค์พระ
2. มีเนื้อเกินที่นูนขึ้นมาเป็น "ตุ่ม" เล็กๆ ตรงจุดนี้
3. อุณาโลมใหญ่และรูปร่างคล้ายๆ ปลายเนคไท
4. พระกรรณทั้งสองข้างจะมีขีดขวาง ขีดข้างซ้ายยาวกว่าข้างขวาเล็กน้อย
5. พระนาสิกเป็นก้อนๆ เหมือนเนื้อโลหะเกาะรวมตัวกันอยู่
6. มีติ่งเล็กๆ เป็นเนื้อเกิน ที่หัวพระเนตรข้างซ้ายขององค์พระ
7. นิ้วพระหัตถ์ข้างขวาองค์พระคล้ายมี 3 นิ้ว (โป้ง ชี้ กลาง) นิ้วโป้งแยกออก แต่มีรอยแตกระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลาง
8. มีเส้นน้ำตกเป็นแนวตั้งเล็กๆ ต่อระหว่างพระชงฆ์ข้างขวาองค์พระกับกลางฝ่าพระบาทข้างซ้ายองค์พระ
9. มีเส้นแตกวิ่งเป็นแนวเกือบขนานกับฐานเขียง บางองค์อาจไม่พบเพราะได้รับการตกแต่งแล้ว
10. มีเนื้อเกินระหว่างซอกกลีบบัว ตรงจุดนี้พบแทบทุกองค์
ส่วน “เหรียญพระพุทธชินราชอินโดจีน ปี 2485” มี 2 พิมพ์ คือ พิมพ์สระอะจุด และ พิมพ์สระอะขีด ซึ่ง “พิมพ์สระอะจุด” เป็นพิมพ์นิยม นอกเหนือจากหลักการพิจารณาเหรียญเก่าแล้ว มีวิธีพิจารณาง่ายๆ ของพิมพ์นิยม ก็คือ ด้านหลังเหรียญตรงอักษรไทยว่า "อกเลาวิหารพระ" คำว่า "พระ" นั้น สระอะจะเป็น "จุดกลม" ครับผม