“คารม พลพรกลาง” ชื่อนี้กำลังทำให้ คนของพรรคก้าวไกล และแกนนำคณะก้าวหน้า ไปจนถึง “แนวร่วมม็อบราษฎร” ที่ต่างมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน คงอดที่จะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่ไม่น้อย
แม้จะแค้นเคือง แม้จะไม่พอใจ แต่ก็กลับไม่สามารถดำเนินการใดๆ กับ คารม อดีต “ทนายคนเสื้อแดง” ได้ตามใจนึก !
ก็จะไม่ให้แค้นเคืองกันได้อย่างไร เมื่อพรรคก้าวไกล คือ “ฝ่ายค้าน” ประกาศตัวตั้งตนเป็น “ศัตรู” กับ “รัฐบาล” มาตั้งแต่ยังเป็น “พรรคอนาคตใหม่” จนถูกคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค ต่อมาเกิดพรรคใหม่ ขึ้นมาสืบทอดเจตนารมณ์ คือพรรคก้าวไกลก็ยังคงสานต่ออุดมการณ์ทางการเมืองไม่เปลี่ยนแปลง
แต่แล้วในระหว่างทาง กลับปรากฎว่า คารม สมาชิกพรรคก้าวไกล ที่แม้วันนี้จะสังกัดพรรค แต่หัวใจไปมอบให้กับ “ฝ่ายตรงข้าม” อย่างชัดเจน
เมื่อปรากฏชื่อ คารม เป็นหนึ่งใน “ทีมองครักษ์” พร้อมทำหน้าที่พิทักษ์ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย พรรคร่วมรัฐบาล สมหัวจมท้ายกับ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
หมายความว่า คารม ประกาศตัวชัดเจนแล้วว่าจากนี้ไป บทบาทและภารกิจของเขาเองจะเป็นไปเพื่อสนองตอบต่อ พรรคภูมิใจไทย พรรคอันดับสองในรัฐบาลบิ๊กตู่ โดยไม่จำเป็นต้องไว้ไมตรีกับพรรคต้นสังกัด อย่างพรรคก้าวไกลกันอีกต่อไป
“ ที่มีชื่อผมเป็น 1 ใน 12 องครักษ์พิทักษ์นั้น เมื่อผู้ใหญ่ใส่ชื่อมา ก็สามารถทำได้และยินดีทำ เพราะตามระเบียบข้อบังคับ ไม่ต้องสังกัดพรรคก็ประท้วงได้ ไม่ใช่ท้าตีท้าต่อยกัน แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีอะไรเป็นการส่วนตัวกับนายณัฐชา และถ้าแน่จริงว่าผมทรยศ ก็ขับออกจากพรรคได้เลย ไม่ได้ยินดีมาอยู่พรรคนี้แต่แรกอยู่แล้ว เพราะผมเข้ามาสังกัดพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไปแล้ว
ผู้บริหารพรรคนี้สับปลับ ผมถึงต้องอยู่สภาพแบบนี้ ยืนยันผมไม่เคยทรยศประชาชน ถ้าทรยศผมคงเลือกอยู่เฉยๆ รับเงินเดือนไม่ทำอะไร ที่กล่าวหาแรงๆ ผมไม่ได้กลัว เพราะผมเป็นนักฎหมายมาหลายสิบปี และน้อยครั้งที่จะดำเนินคดี แต่การบอกทรยศประชาชนมันเป็นคำที่แรง”
บางส่วนบางตอนจากการแถลงข่าวของคารม เพื่อตอบโต้ “ ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์” ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคก้าวไกล ออกมาโจมตีว่าทรยศประชาชน เพราะไปปรากฏรายชื่อในทีมองครักษ์พิทักษ์ 2 รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุด
การที่คารม กล้าออกมาท้าทายให้พรรคก้าวไกล “ขับออกจากพรรค” นั้นต้องถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะหากพรรคก้าวไกลมีมติขับคารม พ้นจากส.ส.ของพรรคจริงตามที่ถูกท้าทาย พรรคก้าวไกลก็จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะต้องเสียที่นั่งส.ส.ไป 1คน ส่วนคารม เองจะต้องหาพรรคใหม่เข้าสังกัดภายใน 30วันตามรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดเอาไว้ ในมาตรา 101 เพราะนี่คือข้อได้เปรียบทางเทคนิคที่ ทั้งทำให้คารม กล้าท้าทาย ด้วยรู้ดีว่า พรรคภูมิใจไทย ก็พร้อมจะเปิดรับอยู่แล้ว
คารม เกิดเมื่อ 7 ก.ย. 2506 จบปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง เคยเป็นทนายความให้ความช่วยเหลือกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นนักกฎหมายร่วมกล่าวหาผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมในปี 2553 ณ ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์
ก่อนหน้านี้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาล คารมเองก็เคยยกมือโหวตไว้วางใจให้กับอนุทิน และศักดิ์สยาม มาแล้ว จนทำให้เขาเองถูกระบุว่าเป็น “ส.ส.งูเห่าสีส้ม”
และยังต้องไม่ลืมว่าคารม ยังแสดงจุดยืนชัดเจนที่สวนทางจากพรรคก้าวไกลด้วยการ ปฏิเสธการลงชื่อสนับสนุนการยื่นญัตติแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ร่วมกับพรรคก้าวไกล !