เรียนรู้พระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้านสังคมสงเคราะห์และสวัสดิการ (1) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้แก่ปวงชนชาวไทยด้วยทรงรักทรงเมตตาอันเกิดจากพระราชหฤทัยห่วงใยทรงให้ความสำคัญกับการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ทุกข์สุขของพสกนิกรโดยทรงตั้งพระราชปณิธานว่าจะทรงสร้างประโยชน์สุขทำให้ชีวิตคนไทยทุกคนดีขึ้นหลุดพ้นจากความอดอยากขาดแคลน โดยทรงทุ่มเทพระองค์คิดค้น ทดลอง แนวทางการดำเนินชีวิตที่เป้าหมายคือความสุขอย่างยั่งยืนด้วยวิถีแห่งความพอเพียงจนที่สุดเกิดผลสำเร็จเป็นต้นแบบ แล้วพระราชทานจัดตั้งเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริไว้ทั่วทั้งประเทศกว่า 4,000 โครงการ หลักสำคัญที่พระราชทานเป็นแนวทางในการดำรงเนินชีวิตคือหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีอันหลักคุณธรรมที่ต้องพึงปฏิบัติอย่างเคร่งครัดจึงจะพบความสำเร็จ คือความเพียร ความอดทน รู้จักอดออม อย่าโลภ มีความรักความเมตตาสามัคคีช่วยเหลือเกื้อกูลกัน หรือสงเคราะห์กันทั้งสงเคราะห์เป็นภาพรวมคือสังคม สงเคราะห์ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ผู้ที่ขาดแคลนผู้ที่เดือดร้อนอย่างสุจริต ในส่วนของการสร้างคุณประโยชน์แก่สังคมสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้อื่น ทรงมีพระราชดำริว่า การให้หรือการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความทุกข์ยากลำบาก จะช่วยทำให้โลกนี้มีความสงบร่มเย็นและช่วยให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้ด้วยความสุข เกี่ยวกับแนวพระราชดำริด้านสังคมสงเคราะห์และสวัสดิการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระเมตตาและทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทยมาอย่างต่อเนื่องมิได้ทรงหยุดพักเป็นเวลายาวนานถึง 70 ปี โดยทรงมีหลักการในการพระราชทานความช่วยเหลือว่า “ให้ เพื่อให้ช่วยตนเองได้” ดังจะเห็นได้ว่า พระองค์จึงทรงมุ่งมั่นส่งเสริมฐานะความเป็นอยู่ของราษฎรให้พออยู่พอกิน คือสามารถพึ่งตนเองได้ เพื่อให้ราษฎรเหล่านั้นมีความมั่นคงในการดำรงชีวิต ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศชาติมีความเจริญรุ่งเรืองและมั่นคงในที่สุด หนึ่งในหลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช คือ เรื่องความพออยู่พอกิน ดังจะเห็นได้ว่า การพัฒนาเพื่อให้พสกนิกรทั้งหลายประสบความสุขสมบูรณ์ในชีวิตเริ่มจากการเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมประชาชนทุกหมู่เหล่าในทุกภูมิภาคของประเทศไทย ได้ทอดพระเนตรความเป็นอยู่ของราษฎรด้วยพระองค์เอง จึงทรงสามารถเข้าพระราชหฤทัยในสภาพปัญหาได้อย่างลึกซึ้งว่า มีเหตุผลมากมายที่ทำให้ราษฎรตกอยู่ในวงจรแห่งทุกข์เข็ญ จากนั้นได้พระราชทานความช่วยเหลือให้พสกนิกรมีความกินดีอยู่ดี มีชีวิตอยู่ในขั้น “พออยู่พอกิน” ก่อน แล้วจึงขยับขยายให้มีขีดสมรรถนะที่ก้าวหน้าต่อไป ในการพัฒนานั้น หากมองในภาพรวมของประเทศมิใช่งานเล็กน้อย แต่ต้องใช้ความคิดและกำลังของคนทั้งชาติ จึงจะบรรลุผลสำเร็จด้วยพระปรีชาญาณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จึงทำให้คนทั้งหลายได้ประจักษ์ว่า แนวพระราชดำริในพระองค์นั้น “เรียบง่าย ปฏิบัติได้ผล” เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน ดังพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า “...ถ้าโครงการดี ในไม่ช้า ประชาชนก็ได้กำไร จะได้ผล ราษฎรจะอยู่ดีกินดีขึ้น จะได้ประโยชน์ไป...” นอกจากนี้ เมื่อราษฎรประสบความเดือดร้อนจากภัยพิบัติต่างๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชจะพระราชทานความช่วยเหลือในทันทีทันใด ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า เมื่อเกิดความทุกข์แก่ราษฎรขึ้น ณ ที่ใด พระองค์จะทรงประทับอยู่ ณ ที่นั้น หรือหากเสด็จฯไปทรงช่วยเหลือด้วยพระองค์เองไม่ได้ จะทรงมีพระกรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชการบริพารที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัยเดินทางไปให้ความช่วยเหลืออย่างทันการณ์ โดยมีรับสั่งว่า “ไปให้ไว ไปให้ถึง ไปให้เร็ว”(อ่านต่อ) .