เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการเข้าร่วมประชุมในหลายประเทศช่วงที่ผ่านมา รวมถึงจะเดินทางร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็น) สมัยสามัญครั้งที่ 71 ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 18-24 กันยายนนั้น ต่างชาติเกิดความเข้าใจสถานการณ์ไทยมากขึ้นหรือไม่ ว่า “เขาก็เข้าใจ แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือผมไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเท่านั้นเอง อย่างอื่นเขาก็เห็นถึงความก้าวหน้าในการทำงานของเรา เว้นแต่มีบางคน บางพวกบิดเบือนอยู่ แต่ผมก็ได้ชี้แจงเพิ่มเติมไปผ่านช่องทางของแต่ละกระทรวงด้วย รวมถึงช่องทางของผมเองเมื่อมีโอกาส เขาก็ได้แสดงความยินดี ในหลายๆ เรื่อง ผมก็คิดไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว เพราะเขาอยากให้เราผ่อนคลายบ้าง ผมก็ได้ตัดสินใจผ่อนคลาย” ต่อข้อถามผู้สื่อข่าวว่า การตัดสินใจออกคำสั่งผ่อนคลายเรื่องคดีต่างๆเป็นการตัดสินใจจากนายกฯ ไม่ใช่ถูกกดดันจากสิ่งใดใช่หรือไม่ นายกฯ ตอบว่า “ผมเอง ไม่มีๆ ผมพูดกับรองนายกฯประวิตรไว้ก่อนจะไปประชุมที่จีนและลาวแล้ว ว่าใกล้ถึงเวลาแล้วจะหาทางผ่อนคลายอย่างไร ในเมื่อประชาชนก็มีความสุขมากยิ่งขึ้น การเคลื่อนไหวต่างๆมันก็เบาบางลง แต่ลับๆผมก็ไม่รู้ ให้เป็นเรื่องของการทำงานด้านการข่าว ไม่ต้องกลัวหรอก ทำอะไรผิดมันก็ต้องถูกลงโทษเป็นเรื่องธรรมดา เอาจริงเอาจังทุกเรื่องอยู่แล้ว ทำอะไรไม่ให้บ้านเมืองเป็นปกติสุขมันก็ผิดกฎหมาย แต่ข้อสำคัญเราจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองเราในสายตาของคนต่างประเทศเขาเข้าใจว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ อะไรก็ตามที่จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือไม่เข้าใจแล้วพูดกันออกไปทำนองนี้ มันก็ทำให้ประเทศชาติเราไม่ได้รับความไว้วางใจ ไม่ได้รับความเชื่อใจ แล้วผมจะทำงานอะไรได้ ในเมื่อเขายอมรับในสิ่งที่เรากำลังทำกันอยู่วันนี้มาก ถือว่าเป็นความก้าวหน้าอันหนึ่งที่เยอะที่สุด ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ความเป็นสากล กฎหมายที่เราออกมาวันนี้เขารับทราบหมด เขาก็ยินดี เพราะไม่เคยออกได้ สิ่งนี้คือความเป็นสากล กติกาการค้าการลงทุนต่างๆ ติดอยู่อย่างเดียวคือผมไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ผมก็ยอมรับในตัวผมเองอยู่แล้ว แต่ผมถามว่าแล้วทำเพื่อใคร ผมก็ทำเพื่อคนไทย และเพื่อประเทศของท่านทุกประเทศด้วย เพราะต้องมาค้าขายลงทุนกัน ถ้าไม่ทำวันนี้จะทำวันไหน” เมื่อถามว่าหากสถานการณ์ดีขึ้นจะมีการโอนคดีจากศาลทหารไปศาลยุติธรรมหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เขาใช้มาตรา 44 ไม่ใช่หรือ ทำไมมันมีปัญหาอะไรหรือ เมื่อถามย้ำว่าจะมีการยกเลิกคําสั่งคสช.ฉบับที่ 13/2559 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการกระทําความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทําลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่ได้เลิก ตนให้เขามีอำนาจเหมือนเดิม เพียงแต่เอาเข้ากระบวนการยุติธรรมโดยไม่ต้องขึ้นศาลทหาร ไม่เข้าใจหรือเขียนมาตั้งยาว อ่านให้เข้าใจว่า อุตส่าห์คิดแทบตายกว่าจะเขียนออกมาได้แบบนั้น คนปฏิบัติเขารู้เรื่องหมด เว้นแต่พวกเธอที่ไม่รู้เรื่อง ซึ่งไม่มีการโอนคดีอะไร เขาประกาศคำสั่งไปแล้วนี่ ไปอ่านดู ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ถ้าผิดก็ดำเนิน จะศาลไหนก็ศาลนั้น ไม่อยากขึ้นศาลก็ไม่ต้องทำความผิดเท่านั้นเอง มันจะยากอะไร” เมื่อถามว่าคำสั่งผ่อนคลายของคสช.ฉบับที่ 55 จะได้รับการตอบรับที่ดีจากยูเอ็นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้ ต้องไปถามยูเอ็น ตนบอกแล้วว่าถ้าเรียกร้องให้ตนผ่อนคลาย ตนก็ผ่อนคลายให้ ความจริงแล้วเป็นการกลับไปสู่กระบวนการยุติธรรมเดิมเท่านั้นเอง เพียงแต่คดีความที่ค้างอยู่เดิมก่อนวันที่ 12 กันยายนก็นำเข้าศาลทหาร ถ้าคดีใหม่ก็เข้าสู่กระบวนการปกติ ศาลทหารมีไว้พิจารณาคดีของทหาร คือทหารขึ้นศาลทหาร แต่หากทหารร่วมกันทำความผิดกับพลเรือนก็ขึ้นศาลพลเรือน นี่เป็นระเบียบเดิม อย่าให้คิดยากมากนักเลย แต่ถ้ามันไม่ดีขึ้นมาก็ประกาศใช้ใหม่ก็ได้ เมื่อถามว่าจะมีการหารืออะไรพิเศษในการประชุมร่วมกับยูเอ็นหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า “ไม่มีเขามีการหารือกันอยู่แล้ว ไม่มีอะไรนอกวาระไปต่างประเทศจะพูดส่งเดช นักข่าวเขาก็ไม่ได้ถามแบบที่เธอถามด้วย เขาก็พูดเฉพาะในประเด็นเรื่องการอพยพไม่ปกติ การพัฒนาแบบยั่งยืน เขาไม่ได้คุยกันเรื่องความแตกแยก คำสั่งคสช.ออกมาตรา 44 หลายประเทศมียิ่งกว่านี้อีกไม่เห็นเขาพูดเลย เธอไม่สนใจเขาบ้างเหรอ กี่ประเทศที่เขาปกครองแบบเรา มีความแตกต่างไหม ไปหามา ผมยังไม่ไปก้าวล่วงเขาเลย ประเทศเขา แล้วนี่ประเทศคุณหรือเปล่า หรือคุณเป็นคนประเทศอื่น ของชาติอื่น เอากติกาคนอื่นมาให้ผมใช้ ในสถานการณ์ที่เป็นแบบนี้ บ้านเมืองจะล่มสลายอยู่ คอยหากินกันวันหน้าก็แล้ว