แม้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย แต่ประเทศสิงคโปร์ได้โชว์แผนโรดแมปฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์เป็นรายแรกของโลกผ่านการปรับตัวของอุตสาหกรรมไมซ์ สร้างมาตรฐานใหม่ด้วยแนวทางจัดงานอีเวนต์บนพื้นฐานความปลอดภัย จาก 8 มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับงานอีเวนต์ พร้อมเร่งเครื่องผลักดันผู้ประกอบการปรับตัวสู่ไมซ์อีเวนต์รูปแบบไฮบริด ที่ผสมผสานการจัดงานแบบดั้งเดิมเข้ากับการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นที่ยอมรับจากผู้จัดงานระดับโลกและได้รับความไว้วางใจให้จัดอีเวนต์ระดับโลก รับฟังปัญหาและต่อยอดไปสู่แนวทางแก้ไข ทั้งนี้ นายโจ ชู ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ ประจำประเทศไทย (STB) กล่าวว่า ก่อนเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กลุ่มอุตสาหกรรมไมซ์ มีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสิงคโปร์เป็นอย่างมาก ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ประเทศมากถึง 3.8 พันล้านดอลลาร์สิงค หรือประมาณ 9.3 หมื่นล้านบาท ต่อปี เกิดการจ้างงานในระบบอุตสาหกรรมกว่า 34,000 อัตรา แต่จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศได้ลดลงตามมาตรการความปลอดภัย ซึ่งนอกจากส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแล้ว ยังส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจงานอีเวนต์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องอีกด้วย มีผลให้การจัดงานอีเวนต์ในประเทศลดลงกว่า 95 % แต่ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลสิงคโปร์จับมือทำงานร่วมกับเจ้าของธุรกิจโดยตรง เพื่อรับฟังปัญหาและต่อยอดไปสู่แนวทางแก้ไขให้อุตสาหกรรมไมซ์กลับมาคึกคักอีกครั้งและวางแผนให้ธุรกิจสามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19 ให้ได้ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป สร้างมาตรฐานใหม่ในการจัดอีเวนต์ ซึ่ง นายโจ กล่าวว่า ล่าสุดการท่องเที่ยวสิงคโปร์ ร่วมมือกับหน่วยงานส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการสิงคโปร์ วางโรดแมป การปรับตัวของอุตสาหกรรมไมซ์ สร้างมาตรฐานในการจัดงานอีเวนต์ภายในประเทศ โดยผู้จัดงานจะต้องปฏิบัติตามมาตรการการจัดการเพื่อความปลอดภัย อย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมประชุมและตัวผู้จัดงาน ด้วยการแบ่งออกเป็น 2 แนวทาง โดยแนวทางที่ 1 กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยในการจัดงานอีเวนต์ การท่องเที่ยวสิงคโปร์ และหน่วยงานส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการสิงคโปร์ จัดทำไกด์ไลน์ Safe Business Events Framework เพื่อดูแลเรื่องอนามัยและการทำความสะอาด กำหนดระยะปลอดภัยและสัดส่วนความหนาแน่นของผู้เข้าร่วมงานพร้อมให้หลักปฏิบัติหากมีเหตุฉุกเฉินเป็น 8 มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับงานอีเวนต์ ส่วนแนวทางที่ 2 ส่งเสริมและผลักดันการจัดงานในรูปแบบไฮบริด ทั้งนี้จากผลสำรวจของการท่องเที่ยวสิงคโปร์พบว่า 60% ของผู้เข้าร่วมงานอีเวนต์ ยังรู้สึกไม่สบายใจที่ต้องเข้าร่วมงานที่มีคนมากกว่า 300 คน เพราะยังกังวลการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนั้นทางการสิงคโปร์จึงเร่งผลักดันให้เกิดการการจัดงานในรูปแบบไฮบริด ที่ผสมผสานการจัดงานทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ จำกัดจำนวนผู้เดินทางมาร่วมงาน แต่เพิ่มจำนวนผู้ร่วมงานผ่านออนไลน์ โดยดึงนวัตกรรมการสื่อสารผนวกกับเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง ซึ่งรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณสนับสนุนเพื่อผลักดันให้ธุรกิจออร์กาไนเซอร์ปรับตัวสู่การจัดไฮบริดอีเวนต์ที่ทั้งมีคุณภาพและประสิทธิภาพ เพิ่มความรู้ด้านนวัตกรรมโมเดลธุรกิจ นอกจากนี้ นายโจ ยังกล่าวว่า ภาครัฐได้ทำงานร่วมกับภาคธุรกิจจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจ เพื่อให้ความรู้ในด้านนวัตกรรมโมเดลธุรกิจ ทั้งในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติ รวมทั้งวิเคราะห์ความเสี่ยงและหาโอกาสทางธุรกิจ และสร้างเครือข่ายชุมชนผู้จัดงานอีเวนต์ ซึ่งการปรับตัวสู่การจัดอีเวนต์ไฮบริดช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เจ้าของธุรกิจ เพราะมีผู้เข้าร่วมงานได้มากขึ้นกว่าการจัดงานแบบเดิม ที่ถูกจำกัดจำนวนผู้ร่วมงานด้วยพื้นที่ และจากผลสำรวจพบว่า 81% ของออร์การ์ไนเซอร์ต้องการเรียนรู้และพร้อมที่จะจัดงานในรูปแบบใหม่ๆ สำหรับปีที่ผ่านมาสิงคโปร์ประสบความสำเร็จในการจัดงานอีเวนต์ในรูปแบบไฮบริดมากมาย อาทิ งานแสดงสินค้าทราเวลรีไวฟ์ งานเทรดโชว์ด้านการท่องเที่ยวระดับนานาชาติเวทีแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่จัดขึ้นในรูปแบบไฮบริด ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการแซนด์ส เอ็กซ์โป แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โดยมีผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมชมงานกว่า 1,000 คน นอกจากนี้ยังมีการประชุม Singapore International Energy Week Conference 2020 ที่จัดขึ้น ณ ไฮบริด บรอดคาสตท์ สตูดิโอ ภายในงานมีการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น เวทีสามมิติ โฮโลแกรม โดยผสมผสานเทคโนโลยีโลกเสมือนรูปแบบ AR VR และ XR เข้าด้วยกันก้าวข้ามขีดจำกัดด้านสถานที่และเวลา ไม่ว่าจะอยู่มุมใดของโลกก็สามารถเข้าร่วมงานได้เสมือนจริง เป็นต้น