เมื่อ​​วันที่ 25 ส.ค. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูฝนมาเป็นเวลาสามเดือนเศษๆแล้ว แต่ปริมาณฝนยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในฤดูการเพาะปลูกประจำปี ส่งผลให้ ปริมาณน้ำต้นทุนไม่ว่าจะเป็น น้ำในเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำต่างๆยังอยู่ในเกณฑ์ปริมาณน้อย อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงและการบินเกษตรยังคงร่วมกับกองทัพบกและกองทัพอากาศ ปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร และเติมน้ำให้กับเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่างๆทั่วประเทศ โดยจากผลการปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อวานนี้ จำนวน 11 หน่วยปฏิบัติการ ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตรบางส่วนของ จ.เชียงใหม่ พะเยา ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร อุตรดิตถ์ อุทัยธานี ชัยนาท นครสวรรค์ ลพบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ขอนแก่น มหาสารคาม ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ ร้อยเอ็ด สระแก้ว เพชรบุรี และพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ จำนวน 8 แห่ง นอกจากนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังมีการลงพื้นที่ เพื่อไปสำรวจพื้นที่ขาดแคลนน้ำ โดยเมื่อวานนี้ นายรังสรรค์ บุศย์เมือง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนบน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อสำรวจพื้นที่เพาะปลูกด้านการเกษตรบริเวณ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเกษตรอำเภอสันกำแพง ผู้แทนโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงอุดมธารา ผู้แทนกลุ่มเกษตรกร และอาสาสมัครฝนหลวง ร่วมช่วยในการให้ข้อมูลพื้นที่เพาะปลูกด้านการเกษตร และความต้องการน้ำฝนในพื้นที่ ทั้งนี้ พบว่าพื้นที่อำเภอสันกำแพง มีการเพาะปลูก ข้าว ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงแตกกอ ถึงเริ่มติดรวง มีความต้องการฝนในช่วงเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ปัจจุบันอำเภอสันกำแพง มีการใช้น้ำจากโครงการส่งน้ำแม่กวงอุดมธารา และ อ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนแม่กวงอุดมธารา มีปริมาณน้อยจึงไม่สามารถสนับสนุนพื้นที่ด้านการเกษตรได้เพียงพอ จึงขอรับการสนับสนุนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ทั้งนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังคงตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศจำนวน 13 หน่วยฯ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ในการเติมน้ำต้นทุนในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ​ สำหรับในช่วงเช้านี้สภาพอากาศเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง จึงมีการวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 6 หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ได้แก่ - หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.ตาก มีเป้าหมายช่วยเหลือ พื้นที่การเกษตร จ.ตาก สุโขทัย กําแพงเพชร ลำปาง ลำพูน และพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนภูมิพล แม่มอก ​- หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.พิษณุโลก มีเป้าหมายช่วยเหลือ พื้นที่การเกษตร จ.กําแพงเพชร เพชรบูรณ์ พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ - หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.กาญจนบุรี มีเป้าหมายช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.สุพรรณบุรี กาญจนบุรี พื้นที่ลุ่มรับน้ำอ่างฯกระเสียว ห้วยเทียน เขื่อนศรีนครินทร์ - หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.ขอนแก่น มีเป้าหมายช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.หนองบัวลำภู อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ สกลนคร พื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนห้วยหลวง ​- หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.อุบลราชธานี มีเป้าหมายช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.ศรีสะเกษ สุรินทร์ ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี ยโสธร ​- หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.นครราชสีมา มีเป้าหมายช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ สุรินทร์ ​ ​อย่างไรก็ตาม หน่วยปฏิบัติการในพื้นที่อื่น ๆ จะติดตามสภาพอากาศตลอดทั้งวัน หากสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงและเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวงจะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เป้าหมายทันที โดยมีเพียง 1 หน่วยฯ ไม่มีการขึ้นปฏิบัติการคือ หน่วยฯ จ.สุรินทร์ เนื่องจากเจ้าหน้าที่เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ทั้งนี้ พี่น้องเกษตรกรและประชาชน สามารถขอรับบริการฝนหลวงและติดตามข้อมูลข่าวสารของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ที่ช่องทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร Twitter Instagram Line Official Account : @drraa_pr และหมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100