เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2564​นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยถึงการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า การจัดสรรวัคซีนแอสตร้าเซนเนกาตั้งแต่ มิ.ย.-ส.ค. ส่งมอบเฉลี่ยเดือนละประมาณ 5-6 ล้านโด๊ส จากการเจรจราร่วมกับบริษัทแอสตราเซเนกา ก็ตอบสนอง โดยส่งสัญญาณว่าในเดือน ก.ย. เป็นต้นไปนั้น ไทยเจรจราขอเพิ่มจำนวนการจัดส่งมากขึ้น ซึ่งบริษัทตอบสนอง โดยบริษัทจะส่ง 7.2 ล้านโด๊ส เชื่อว่าการเจรจาจะมีเข้ามาเรื่อยๆ นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ส่วนการจัดหาวัคซีนปี 2565 ดูแนวโน้มการฉีดวัคซีนอาจจำเป็นต้องฉีดบูสเตอร์โด๊สเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้สูง ในกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ อย่างการฉีดวัคซีนในเด็ก ที่มีการวิจัยในหลายหน่วยงาน หลายประเทศ รวมทั้งการฉีดเข็ม 3 หรือบูสเตอร์โด๊ส เนื่องจากข้อมูลหลายแห่งพบว่า หลังจากฉีดวัคซีนไป 2 เข็ม ไม่ว่าฉีดวัคซีนอะไรก็ตาม ภูมิคุ้มกันจะตกลง จึงจำเป็นต้องหาวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อฉีด 2 กลุ่มคือ กลุ่มเด็กที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเลย และกลุ่มบูสเตอร์โด๊ส เพราะฉะนั้น คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติได้เสนอความเห็น และผ่านความเห็นชอบจาก ศบค. ว่าในปี 2565 จะมีการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมอย่างน้อย 120 ล้านโด๊ส และให้มีวัคซีนที่มีความหลากหลายในการฉีด ทั้ง mRNA เชื้อตาย ไวรัลเวกเตอร์ โปรตีน เป็นต้น อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้แสดงเจตจำนงว่าจะนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์เบื้องต้น 50 ล้านโด๊ส และแอสตราฯ 50 ล้านโด๊ส ส่วนจะเป็นแบบไหนนั้นมีหลายบริษัทมีการผลิตรุ่น 2 ดังนั้นหากบริษัทสามารถผลิตรุ่น 2 ที่มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ก็ขอให้ส่งเป็นรุ่น 2 ส่วนเรื่องจำนวนและระยะเวลาจัดส่งจะมีการเจรจากันต่อ