การจะปลูกต้นไม้ให้เติบโตและสวยงาม สำคัญที่สุดก็คือดิน เพราะถ้าหากดินดีจะปลูกอะไรก็สวยและเติบโตอย่างรวดเร็ว แม้จะมีพื้นที่ในการเพาะปลูกไม่มากก็ตาม สำหรับการปลูกพืชในภาชนะ การปรุงดิน เรียกได้ว่าเป็นหัวใจหลักในการปลูกพืชทุกชนิด เพราะเป็นแหล่งสะสมสารอาหารเพื่อให้ต้นไม้ค่อยๆดึงไปใช้ในการเติบโตได้ดี
สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต10 จึงได้เข้ามาส่งเสริมการปรุงดินด้วยวัสดุอินทรีย์ หรือ เทคนิคการ”บ่มดิน”สำหรับปลูกพืชในภาชนะ เป็นเทคนิคใหม่ซึ่งได้แนวคิดจากการทดลองของปราชญ์ชาวบ้าน อาจารย์สุเทพ กุลศรี มาเผยแพร่สู่เกษตรกรในพื้นที่เพื่อประยุกต์ใช้ในพื้นที่ไม่ว่าจะมีพื้นที่เพียงเล็กน้อยก็สามารถปลูกพืชผักได้อีกด้วย
นายทศนัศว์ รัตนแก้ว ผู้อำนวยการกลุ่มวิชาการเพื่อการพัฒนาที่ดิน สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 10 กล่าวว่า การปรุงดินด้วยวัสดุอินทรีย์หรือ เทคนิคการบ่มดินสำหรับปลูกพืชในภาชนะ เป็นเทคนิคใหม่ซึ่งแตกต่างจากการปรุงดินของเกษตรกรทั่วไปที่นิยมนำวัสดุปรุงดินคลุกลงไปในดินเพื่อผสมให้เข้ากับเนื้อดินมากที่ที่สุดแล้วจึงนำไปใช้แต่เทคนิคการบ่มดินจะเป็นการนำวัสดุที่เตรียมไว้มาวางซ้อนทับกันเป็นชั้นๆปล่อยทิ้งไว้ให้ จุลินทรีย์เจริญเติบโตและมีปริมาณมากก่อนค่อยคลุกดินให้เข้ากัน แล้วจึงนำไปใส่ในภาชนะเพื่อปลูกพืช สำหรับการบ่มดินในภาชนะเป็นเทคนิคในการปรุงดินที่ทำให้มีความสมบูรณ์ทางด้านกายภาพ ด้านเคมี แล้วก็ด้านชีวภาพด้วย โดยปกติทั่วไปถ้านึกถึงการปรุงดินก็จะนึกถึงเฉพาะทางด้านกายภาพและเคมีเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ค่อยคำนึงถึงทางด้านชีวภาพหรือว่าการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในดิน ซึ่งโดยปกติตามธรรมชาติทั่วไปแล้ว ทางกายภาพ เคมีและชีวภาพนี้จะต้องมีความสัมพันธ์กันและสมดุลกัน จุลินทรีย์ที่อยู่ในดินนี้จะช่วยทำให้เกิดความสมดุลขึ้นทั้งเคมีแล้วก็กายภาพ จุลินทรีย์บางชนิดจะช่วยส่งเสริมในการทำให้ดินร่วนและสามารถย่อยสลายธาตุอาหารที่มีอยู่ในเม็ดดินหรือในอินทรียวัตถุให้ปลดปล่อยออกมาได้ ซึ่งจากการทำการปรุงดินโดยวิธีบ่มดินเบื้องต้นได้มีการนำไปทดสอบทางเคมี พบว่าดินที่เกิดจากการบ่มดินนี้จะมีธาตุอาหารสูงขึ้นกว่าปกติ
ขั้นตอนการปรุงดิน
1.เริ่มจากนำขุยมะพร้าว ลองไว้ด้านล่าง 1/2 ส่วน
2.จากนั้นนำดินเตรียมไว้มาวางทับขุยมะพร้าว 1 ส่วน
3.นำมูลวัวมาไว้ชั้นบนสุดอีก 1 ส่วน
4.หลังจากนั้นให้ค่อยๆรดน้ำอย่างช้าๆเพื่อให้น้ำซึมเข้าไปจนทั่ว
5.เมื่อลดน้ำจนชุ่มแล้วให้นำขุยมะพร้าวอีก 1/2 ส่วน มาคลุมให้ทั่ว
6.สุดท้ายให้รดน้ำจนชุ่มอีกครั้ง และนำผ้าใบหรือกระสอบคลุมไว้
สำหรับขั้นตอนการปรุงดิน การรดน้ำถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เนื่องจากว่าต้องการให้ธาตุอาหารที่อยู่ในมูลวัวละลายออกมาให้เต็มที่แล้วก็ซึมลงในดินและขุยมะพร้าว จุลินทรีย์ก็เจริญเติบโตเต็มที่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเสร็จขั้นตอนการปรุงดินแล้วก็บ่มดินไว้ประมาณ 7-14 วัน ซึ่งดินแต่ละชนิดจะใช้เวลาในการบ่มแตกต่างกัน มีวิธีสังเกตง่ายๆเช่น ถ้าเกิดว่าลองจับกองดินดูแล้วพบว่าดินร่วน วัสดุเข้ากันดีไม่จับกันเป็นก้อน หรือว่าความร้อนลดลงแล้ว ก็สามารถที่จะคลุกแล้วก็เอาไปใส่ภาชนะเตรียมปลูกได้เลย แต่ถ้าก้อนดินชนิดไหนที่มีความแข็งมาก อย่างเช่น ดินเหนียว อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 14 วันซึ่งในระยะเวลา 14วันนี้ ต้องคอยเช็คความชื้นอยู่เรื่อยๆถ้าเกิดว่าความชื้นมันหายไปมากแต่ว่าดินยังไม่แตกหรือว่ายังไม่ย่อยละเอียด ก็สามารถรดน้ำลงไปแล้วก็รอจนกว่าดินด้านในจะร่วนแล้วค่อยนำไปใช้ได้
ด้วยขั้นตอนและวิธีการเหล่านี้ ถือเป็นวิธีการและขั้นตอนง่ายๆ ที่สามารถบ่มดินไว้ใช้เองในการเพาะปลูกต้นไม้ไว้ในพื้นที่ที่จำกัด อย่างเช่น พืช ผักและผลไม้ในกระถาง หากทำตามแนวทางการบ่มดินที่สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต10 แนะนำต้นไม้ที่ปลูกจะเจริญเติบโตแล้ว ประหยัดพื้นที่ และลดค่าใช้จ่ายในการครัวเรือนได้อีกด้วย
นายทศนัศว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เริ่มแรกทางสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 10 ได้นำเทคนิคนี้ไปเผยแพร่ในงานวันดินโลกที่ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ก็ได้รับผลตอบรับจากเกษตรกรเป็นอย่างดี หลังจากนั้นก็ได้มีการเผยแพร่สู่เกษตรกรในเครือข่ายของสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 10 อย่างเช่น เครือข่ายหมอดิน แล้วก็เครือข่ายผู้ทำเกษตรอินทรีย์แบบPGSเกษตรกรก็ได้นำไปทดลองใช้แล้วก็ได้ feedback กลับมาว่าต้นไม้เจริญเติบโตได้อย่างดี แล้วก็ดินเดิมที่คิดว่าใช้อะไรไม่ได้ดินที่แข็งมากปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น พอนำเทคนิคการปรุงดินนี้ไปใช้ก็ส่งผลให้ดินมีความร่วนซุย ปลูกพืชได้ดี และการปลูกพืชในภาชนะก็เหมาะกับการทำเกษตรสมัยนี้ด้วย ถึงจะมีพื้นที่ไม่มากแต่ก็สามารถเพาะปลูกได้อีกด้วย




