วันแรกถกงบวาระ2-3 "พิธา-สิริกัญญา" ขอตัดงบ 1 แสนล. จี้รีดไขมัน 3 ส่วนช่วยแก้โควิด แนะโยกงบเก็บผักตบให้ท้องถิ่นทำ "อาคม" เล็งกู้เงินจากต่างประเทศแทนในประเทศ หวั่นกระทบสภาพคล่อง ส่วน"ศักดิ์สยาม" ระบุพร้อมแจงศึกซักฟอก! ลั่น รับไม่ได้ฝ่ายค้านสาดวาทกรรม "รมต.เสเพล" มั่นใจไม่มีพฤติกรรมมั่วสุม วอนอย่าเอาเป็นประเด็นการเมือง ด้าน "น.1"ยันยิงแก๊สน้ำตาใส่ม็อบไม่ถึงตาย ขณะที่"กมธ.กฎหมาย" จ่อเรียก "นายกฯ" ชี้แจง หลังตำรวจเบี้ยวปมสลายม็อบ ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 18 ส.ค.64 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในการประ ชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2565 โดยก่อนเข้าสู่วาระพิจารณา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ.งบประมาณฯได้ขอหารือกรณียื่นเรื่องให้ตรวจสอบ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กมธ.งบประมาณฯ ที่เข้าข่ายมีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ ตามมาตรา 144 ที่ห้ามไม่ให้ส.ส. ,ส.ว. รวมทั้งคณะกรรมาธิการ ห้ามมีส่วนได้ส่วนเสียกรณีจัดซื้อรถเบนซ์ป้ายแดงมูลค่า 5 ล้านบาท โดย นายชวน กล่าวว่า หากจะสอบ นายยุทธพงศ์ต้องเสนอเป็นญัตติหรือส่งเรื่องไปยังองค์กรอื่นที่เกี่ยวข้องเช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ทั้งนี้ต้องพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับด้วย จากนั้น นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ในฐานะประธานกมธ. เสนอรายงานกมธ. ว่า ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ 65 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท กมธ.ฯ ปรับลด 16,362 ล้านบาท ให้กับงบกลางรายการค่าใช้จ่ายบรรเทาแก้ปัญหาและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการะบาดของโควิดตามจำนวนที่ปรับลดงบประมาณ นอกจากนั้นยังอนุมัติให้เปลี่ยน แปลงงบประมาณ พ.ศ.2565 ส่วนของ สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานนโยยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 38 ล้านบาท เป็นงบประมาณของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ สำนักนายกฯเพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.ปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม การปรับลด และเพิ่มงบปะมาณให้ความสำคัญ ต่อความพร้อมและศักยภาพของหน่วยงาน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ภารกิจเพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 รายการจำเป็นเร่งด่วน เป็นประโยชน์กับประชาชน เพื่อให้ดำเนินการตามกรอบวงเงินงบประมาณ 3.1ล้านล้านบาท ตามที่สภาฯ จากนั้น ที่ประชุมได้เข้าสู่การพิจารณาเป็นรายมาตรา ทั้งนี้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ มีจำนวนมาตราทั้งสิ้น 42 มาตรา โดยมีการแก้ไขทั้งสิ้น 31 มาตรา สำหรับมาตราที่ไม่แก้ไข มีทั้งสิ้น 11 มาตรา แต่มีกรรมาธิการฯ สงวนความเห็น และมีส.ส.ลงชื่อแปรญัตติไว้ ต่อมา เวลา 10.06 น. ได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ โดยในมาตรา 4 มีส.ส.ทั้งจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เสนอปรับลดงบประมาณตั้งแต่ 3-23 เปอร์เซ็นต์ อาทิ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกมธ. อภิปรายว่า ขอสงวนความเห็นปรับลด 1 แสนล้านบาท แม้ทางคณะกมธ.ปรับลดตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบแล้ว 1.63 หมื่นล้านบาท แต่ยังเห็นว่ายังรีดไขมันไม่เพียงพอ และการจัดงบประมาณยังไม่ใช่ทางออกของประเทศ แต่ทางออก คือการรื้อโครงสร้างประเทศ ยังสามารถรีดไขมันได้อีก 3 ประเภทคือ1.ไขมันเกี่ยวกับความมั่นคง ยังมีงบของกระทรวงกลาโหมในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ ซึ่งความจริงสามารถตัดงบประมาได้ถึง 3 หมื่นล้านบาท แต่คณะกมธ.ตัดได้จริงเพียง 3 พันล้านบาท 2.เน้นลงทุนสิ่งก่อสร้าง งบก่อสร้างอาคารสำนักงานจังหวัด ขยายอาคาร ประมาณ 1.7 แสนล้าน แสดงให้เห็นว่าประเทศกำลังให้คุณค่าสิ่งก่อสร้างมากกว่าชีวิตคน และ3.งบที่มีพิรุธ งบที่ตั้งสูงกว่าท้องตลาด และงบใบเสนอราคาที่ไม่สมบูรณ์ ด้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกมธ. อภิปรายว่า ขอปรับลดงบ อีก 1 แสนล้านบาท คงเหลือ 3 ล้านล้านบาท เพราะไขมันยังรีดได้อีกจำนวนมาก วันนี้รัฐบาลออกแบบให้กู้จนเต็มเพดาน แต่รายได้ที่คาดว่าจะจัดเก็บได้จะได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ซึ่งหลายคนบอกว่าเป้าที่ตั้งไว้คงสูงเกินไป และถ้าจัดเก็บรายได้ไม่ตรงตามเป้า ก็จะเป็นเช่นนี้ถึงปี 66 ปี67 ฉะนั้น ควรปรับโครงสร้างงบประมาณให้ตอบสนองวิกฤติ อาทิ ค่าใช้จ่ายบุคลากร เงินเดือนข้าราชการ คิดเป็น 40% ของงบประมาณทั้งหมด และคงเพิ่มขึ้นทุกปี หากจัดเก็บรายได้น้อยลงกว่าที่ตั้งไว้ อีกไม่นานสำนักงบประมาณคงจะเสนอปรับลดเงินเดือนบุคลากรภาครัฐ หากยังไม่มีการปรับโครงสร้างงบประมาณ "ที่ผ่านมาส่วนกลางหวงอำนาจไม่กระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาทิ โครงการแก้มลิง 10 0 กว่าโครงการของกรมชลประทาน การตัดถนนทางหลวงชนบทของกรมทางหลวงชนบท หรือแม้กระทั่งการเก็บผักตบชวาที่หน่วยงานส่วนกลางไม่ยอมปล่อยมือให้ท้องถิ่นทำ แต่คงไว้ให้กรมต่างๆ 6กรม ทำงานเก็บผักตบชวา เพราะมีงบต้องเก็บทุกปี" จากนั้น นายอาคม ชี้แจงว่า การปรับลดงบเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งวินัยการเงินการคลังของรัฐ หรือหนี้สาธารณะ ทั้งนี้การจัดงบในวงเงินดังกล่าวเมื่อชะลดหรือปรับลด กมธ.ฯ เน้นการแก้ปัญหา พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เรื่องหนี้สาธารณะต้องปรับแผนการก่อหนี้ ในแผนที่ผ่านมา โครงการหรือแผนงานที่เสนอมีปัญหาความพร้อม หรือพร้อมแต่มีปัญหาการปฏิบัติ กระทรวงการคลังผมให้นโยบาย คือ ทบทวนโครงการลงทุนต่างๆ ที่ขอใช้เงินกู้ ต้องเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล , ประเด็นของโลก โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ มิตรต่อสิ่งแวดล้อม โครงการที่เสนอต้องเข้มงวด ไม่ใช่แค่จองชื่อไว้ นอกจากนั้นโครงการที่บรรจุแต่ล่าช้า การเบิกจ่ายต้องพิจารณากู้เท่าที่จำเป็น "การกู้เงินที่ได้รับอนุมัติ ต้องทยอยและพิจารณาตลาดพันธบัตรสภาพคล่องภายในประเทศ เพื่อไม่ให้รัฐบาลแย่งเงินของเอกชน การกู้เงินต้องพิจารณาแหล่งเงินกู้ ที่ผ่านมา 98% กู้ภายในประเทศ หากต้องการให้เอกชนลงทุนอาจกระทบสภาพคล่องภายในประเทศ ทำให้ต้องพิจารณาใช้เงินกู้ต่างประเทศ กรณีการสั่งซื้ออุปกรณ์เงินตราต่างประเทศ ขณะนี้ดอกเบี้ยจ่ายของเรามีภาระต่ำให้มีขีดความสามารถกู้ได้" ขณะที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวถึงกรณีที่ถูกฝ่ายค้านตั้งญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยใช้ข้อกล่าวหาว่าเป็น "รัฐมนตรีเสเพล"ว่า เป็นการใช้คำที่รุนแรง จริงๆ ตนได้ชี้แจงผ่านสื่อมวลชนหลายครั้งแล้ว คิดว่าเป็นเรื่องที่สามารถชี้แจงได้และขอให้อภิปรายฯ อยู่ในประเด็น อย่าใช้เรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมือง เพราะขณะนี้ประเทศเราอยู่ในช่วงต่อสู้กับการแพร่ระบาดโควิด-19 เมื่อถามว่า แล้วคำว่า "เสเพล" จะชี้แจงอย่างไร นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ให้ไปดูพจนานุกรม และขอให้สื่อตัดสินว่าเป็นคำที่แรงหรือไม่ เมื่อถามว่า มีความกังวลในพรรคร่วมรัฐบาลที่จะโหวตลงมติในทิศทางที่ต่างกัน หรือไม่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปคาดการณ์ล่วงหน้า รอดูการอภิปรายฯก่อนและคำชี้แจงที่ตนจะตอบ วันเดียวกัน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผลช.น. ได้เข้าร่วมสาธิตการยิงแก๊สน้ำตาที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ใช้ในการควบคุมสถานการณ์ชุมนุมทางการเมือง โดยจำลองการยิงด้วยปืนแก๊สน้ำตาในระยะ 100 เมตร ด้วยแนววิถีโค้งมากกว่า 30 องศา เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยหลังมีการเผยแพร่ข่าวปลอมผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ว่าผู้ชุมนุมถูกกระสุนแก๊สน้ำตายิงเข้าที่ใบหน้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง และไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน อีกทั้งการยิงแก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ เป็นการยิงเพื่อให้ควันไปยับยั้งการคุกคาม ของผู้ชุมนุมไม่มีการยิงใส่ตัวชุมนุมโดย ตรง พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ยังระบุถึงภาพความการชุมนุมเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย จากการถูกลูกแก้วยิงใส่ที่ศีรษะ และสามารถจับกุมผู้ชุมนุมได้เพิ่ม 6 คน ด้าน คณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยธรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานฯ มีการประชุมเพื่อติดตามการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง ที่เกิดขึ้นหลังจากมีผู้ร้องเรียนได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมทางการเมือง โดยมีการเชิญผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, กรรมการสิทธิมุษยชนแห่งชาติ, รองปลัดกรุงเทพมหานคร, สำนักเทศกิจกรุงเทพมหานคร และนิติบุคคลคอนโดฯ ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม เข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการ ทั้งนี้ก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้น มีการแจ้งว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และฝ่ายตำรวจไม่มาชี้แจง เนื่องจากติดประชุม ทำให้ นายสิระ ระบุในการประชุมครั้งต่อไป จะมีการเชิญนายกฯ ในฐานะผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจะมีการเชิญฝ่ายตำรวจมาชี้แจงอีกครั้ง