เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 15 ส.ค.64 ชาวบ้านคลองทราย ดินแดงน้อย ม.6 ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ ประมาณ 20 คน นำโดยนายสมบูรณ์ อ่าวน้ำ ได้เดินทางไปรวมตัวกันที่บริเวณท่าเรือเฟอร์รี่ ซึ่งเป็นท่าเรือโดยสาร จากจังหวัดกระบี่ ไป อ.เกาะยาว จ.พังงา เพื่อเรียกร้อง ให้ทาง นายสุชาติ รวดเร็ว ผญบ.ม.6 บ้านคลองทรายดินแดงน้อย ออกมาชี้แจ้งการบริหารจัดการท่าเรือบ้านคลองทราย หลังพบว่ามีการจัดเก็บรายได้จากการเทียบท่าของเรือเฟอรี่ และการใช้ประโยชน์บริเวณท่าเรือ ปีละหลายแสนบาท แต่ไม่รู้ผลประโยชน์ตกไปอยู่กับใคร หลังเคยมีการยื่นหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้กับมาตรวจสอบแต่เรื่องก็เงียบหายไป ต่อมาทางนายสุมิตร รักโอ่ กำนัน ต.หนองทะเล พร้อมด้วยฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ่าวนาง กอ.รมน.จ.กระบี่ และตำรวจสันติบาล ได้เดินทางเข้าไปพูดคุยเจรจากับชาวบ้านเพื่อขอให้ยุติการชุมนุม เนื่องจากอยู่ในช่วงการระบาดของโรคไวรัสโควิด 19 และสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้โดยสารที่ใช้ท่าเรือ พร้อมกับขอให้มีการพูดคุยกัน เบื้องต้นชาวบ้านยอมเปิดท่าเรือให้มีการขึ้นลง แต่โดยดี และยอมพูดคุยเจรจา โดยใช้เวลาพูดคุยกันนานกว่า 1 ชั่วโมง แต่ไม่สามารถตกลงในรายละเอียดได้ ทางนายสุมิตร รักโอ่ จึงได้นัดวันประชุมใหม่ ในวันศุกร์ ที่ จะถึงนี้ ชาวบ้านจึงได้แยกย้ายกันกันกลับ ด้านนายย่าโกบ ดินแดง ชาวบ้าน กล่าวว่า ที่ผ่านมาท่าเรือเฟอร์รี่แห่งนี้มีการบริหารจัดการเก็บค่าจอดเรือ และการใช้ประโยชน์ โดยมีผู้ใหญ่บ้านเป็นประธาน ซึ่งชาวบ้านไม่รู้เลยว่าเงินที่เก็บได้ไปเข้ากระเป๋าใครอยากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบเพราะที่ผ่านมาได้มีการทำหนังสือไปยังหลายหน่วยงานแต่เรื่องก็ยังเงียบ ชาวบ้านจึงต้องลุกฮือขึ้นมาประท้วงเพื่อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างจริงจังเพราะคนที่เสียผลประโยชน์อยู่ในตอนนี้ก็คือชาวบ้าน และทุกครั้งที่ชาวบ้านออกมาเรียกร้องก็จะถูกมองว่าเป็นเรื่องของการเมืองซึ่งทั้งที่จริงไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองแต่เป็นผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับชาวบ้านโดยตรง เพราะถ้าเรียแห่งนี้เดิมมีการจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน เริ่มสร้างด้วยกองทุน SML และต่อมามีการลงหุ้นกันก่อสร้างเพิ่มเพื่อเก็บรายได้จากการใช้ท่าเทียบเรือแล้วนำรายได้ส่วนหนึ่งมาแบ่งปันให้กับสมาชิก แต่สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าใครได้ประโยชน์ ด้านนายสุชาติ รวดเร็ว ผญบ.กล่าวชี้แจงว่า สำหรับเงินรายได้ที่จัดเก็บค่าจอดเรือเฟอร์รี่เดือนละประมาณ 8,000 บาท โดยส่วนหนึ่งแบ่งให้กับมัสยิด 4,000 ส่วนเงินที่เหลือก็เป็นค่าบริหารจัดการท่าเรือ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าขณะที่ทางเจ้าหน้าที่เข้ามาพูดคุยกับกลุ่มที่ชุมนุมเรียกร้องขอให้มีการตรวจสอบการบริหารจัดการท่าเรือ ก็ได้มีกลุ่มชาวบ้านบางคน ซึ่งคาดว่าเป็นกลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์ เข้ามาต่อว่าจนเกิดมีปากเสียงและหวิดปะทะกัน แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถควบคุมสถานการณ์ ได้ไม่มีเหตุวุ่นวายหรือทำร้ายกันแต่อย่างใด