เมื่อวันที่ 14 ส.ค. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูฝนมาเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว แต่ในเรื่องของปริมาณฝนตกนั้น ยังคงไม่เพียงพอ จึงส่งผลให้มีปริมาณน้ำต้นทุนในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่างๆ ค่อนข้างที่จะน้อยอยู่ ประกอบกับในหลายพื้นที่ของประเทศ ณ ขณะนี้ อยู่ในช่วงฤดูกาลเพาะปลูก โดยเฉพาะในพื้นที่ของพี่น้องเกษตรกร ที่อยู่ในเขตพื้นที่อาศัยน้ำฝน หรือพื้นที่นอกเขตชลประทาน ประสบกับปัญหาภาวะฝนทิ้งช่วงอยู่หลายครั้ง และเกิดความเดือดร้อน จึงมีการแจ้งขอรับบริการฝนหลวงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกรมฝนหลวงฯ ได้ติดตามข้อมูลและวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือเติมน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรของพี่น้องประชาชนเพื่อให้มีน้ำใช้เพียงพอในช่วงภาวะฝนทิ้งช่วงด้วย อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศในช่วงนี้ของประเทศไทย พบว่า เริ่มที่จะมีฝนตกกระจายตัวมากขึ้นและมีฝนตกหนักมากในหลายพื้นที่ ซึ่งในบางพื้นที่เกิดน้ำป่าไหลหลาก หรือน้ำท่วมฉับพลัน จึงขอให้พี่น้องประชาชนคอยเฝ้าระวังและติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนรายงานสภาพอากาศจากทางภาครัฐอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ร่วมกับกองทัพอากาศและกองทัพบก ยังคงเดินหน้าปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรที่ยังมีความต้องการน้ำอย่างเต็มที่ โดยจากผลการปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อวานนี้ ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงจำนวน 9 หน่วยปฏิบัติการ ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตรบางส่วนของจังหวัดพะเยา ลำปาง ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี เพชรบูรณ์ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ชัยภูมิ อุดรธานี นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ ยโสธร ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว เพิ่มปริมาณน้ำให้กับพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนจำนวน 3 แห่ง อ่างเก็บน้ำจำนวน 9 แห่ง และบึงบอระเพ็ด ​ ในส่วนของการติดตามสภาพอากาศเพื่อวางแผนการปฏิบัติการฝนหลวงในช่วงเช้าวันนี้ ผลการตรวจสภาพอากาศจากสถานีเรดาร์ฝนหลวงทั่วประเทศ พบว่า มี บริเวณพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ เข้าเงื่อนไขปฏิบัติการฝนหลวงในเช้าวันนี้ จึงมีการวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการจำนวน 8 หน่วยปฏิบัติการฯ ดังนี้ ​-หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.ตาก มีเป้าหมายช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.ตาก ​-หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.พิษณุโลก มีเป้าหมายช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.กำแพงเพชร จ.พิจิตร และจ.เพชรบูรณ์ ​-หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.ลพบุรี มีเป้าหมายช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.อุทัยธานี จ.ชัยนาท จ.สระบุรี และจ.ลพบุรี -หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.กาญจนบุรี มีเป้าหมายช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.สุพรรณบุรี จ.กาญจนบุรี และพื้นที่ลุ่มรับน้ำในพื้นที่สุพรรณบุรี จ.กาญจนบุรี ​-หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.นครราชสีมา มีเป้าหมายช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.นครราชสีมา และจ.ชัยภูมิ ​-หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.สุรินทร์ มีเป้าหมายช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.สุรินทร์ จ.บุรีรัมย์ และจ.ศรีสะเกษ ​-หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.สระแก้ว มีเป้าหมายช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.ฉะเชิงเทรา และจ.ชลบุรี ​-หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีเป้าหมายช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.ราชบุรี ​ อย่างไรก็ตาม สำหรับหน่วยปฏิบัติการในพื้นที่อื่นๆ จะติดตามสภาพอากาศตลอดทั้งวัน หากสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงและเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง จะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เป้าหมายทันที ทั้งนี้ พี่น้องเกษตรกรและประชาชน สามารถขอรับบริการฝนหลวงและติดตามข้อมูลข่าวสารของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ที่ช่องทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร Twitter Instagram Line Official Account : @drraa_pr และหมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100