เมื่อวันที่ 13 ส.ค. นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร(กวก.) เปิดเผยว่า เตรียมหารือ37 ผู้ประกอบการส่งออกลำไยไปประเทศจีนกลุ่มภาคเหนือในวันที่ 13 ส.ค.64 นี้ตามข้อสั่งการของนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่กำกับดู กวก. ที่ให้กรมเร่งหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์กรณีจีนอาจระงับส่งออกลำไยของไทย เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการเจรจาระหว่างกวก.และทางการจีน ทั้งนี้ในหาประชุมกรมจะแจ้งข้อท้วงติงของทางการจีนกรณีสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน(GACC)ที่ ได้แจ้งเตือนปัญหาการพบเพลี้ยแป้งซึ่งเป็นศัตรูพืชกักกันของจีนในผลไม้ส่งออกของไทย รวมถึงผลการหารือและท่าทีของจีนหลังจากได้มีการเจรจากันเมื่อ 11 ส.ค.2564 เพื่อร่วมกันหาทางแก้ไขและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้เพื่อรักษาตลาดส่งออกลำไยที่สำคัญของไทย
ทั้งนี้ ทางการดำเนินการออกใบรับรองสุขอนามัยพืชของกวก. เป็นไปตามพิธีสารที่ตกลงร่วมกันระหว่างสองประเทศคือการสุ่มตรวจ 3% แต่ทางการจีนได้ตรวจเจอเพลี้ยแป้งในลำไย โดยสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณัฐประชาชนจีน GACC รายงานการพบในปี 2564 มีหนังสือแจ้งเตือน 3 ฉบับ เป็นการส่งแจ้งเตือนสินค้าส่งออกระหว่างเดือน พ.ย.63-มี.ค.64 และทางการจีนได้ขอให้ กวก. ระงับการส่งออกผลไม้จากสวน 27 สวน และโรงคัดบรรจุ 9 โรง ที่เกี่ยวข้องเป็นการชั่วคราวไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม 2564 ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้มีการสอบสวนเหตุและรายงานผลให้จีนพิจารณาเพื่อขอให้กลับมาส่งออกได้อีกครั้ง ปัจจุบันยังไม่ได้รับการพิจารณาจากฝ่ายจีน
ล่าสุด GACC ได้รายงานผลการตรวจพบศัตรูพืชในสินค้าส่งออกตั้งแต่ พ.ย.63–มี.ค 64 เมื่อวันที่ 13 ก.ค.64 รวมจำนวน 116 ชิปเม้นส์ เป็นเพลี้ยแป้งในลำไยจาก 100 สวน โรงคัดบรรจุ 66 แห่งในพื้นที่
จันทบุรี 28 แห่ง สระแก้ว 1 แห่ง เชียงใหม่ 11 แห่งลำพูน 26 แห่ง และการตรวจพบเพลี้ยแป้งในสับปะรดจากสวน 1 แห่งและโรงคัดบรรจุ 1 แห่งในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์
อย่างไรก็ตามกรมได้มีการประสานกับทางจีนต่อเนื่องโดยล่าสุดคือหารือระหว่างกรมและทางการจีนเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา กวก.ได้เสนอแนวทางที่เตรียมไว้ให้พิจารณา ประกอบด้วย 1.การปรับปรุงการจัดการสวน 2.การเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบศัตรูพืช ที่โรงคัดบรรจุเพื่อให้โรงคัดบรรจุมีส่วนรับผิดชอบในการส่งออกสินค้า โดยการเพิ่มเจ้าหน้าที่ QC ตรวจสอบศัตรูพืชมากขึ้น 3.การเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบศัตรูพืชของเจ้าหน้าที่กวก.เพิ่มอัตราสุ่มตรวจจาก 3% เป็น 5-10% ในกลุ่มผู้ส่งออกทั้ง 66 ราย 4.กรณีตรวจเจอศัตรูพืชกักกันครั้งที่ 1 จะระงับการออกใบรับรองสุขอนามัยพืชเป็นเวลา 7 วัน หากพบครั้งที่ 2 จะระงับการออกใบรับรองสุขอนามัยพืชเป็นเวลา 3 เดือน 5.สำหรับโรงคัดบรรจุ จะเพิ่มความเข้มงวดการสุ่มตรวจสินค้าเป็นระดับในอัตรา 3% และ 5-7% อย่างต่อเนื่อง
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวต่อว่า มาตรการที่กรมได้นำหารือต่อทางการจีนนั้น ครอบคลุมการลงโทษระงับการส่งออกและการเพิ่มความเข้มงวดการตรวจสอบที่สวน โรงคัดบรรจุและด่านตรวจพืชแต่ทางจีนยังไม่ตอบรับแต่ยืนยันให้กรมระงับการการส่งออกของโรงคัดบรรจุลำไยและสวนลำไยที่พบเพลี้ยแป้งเช่นเดียวกับครั้งที่ผ่านมา แต่ขอให้ไทยทำรายชื่อแยกเป็นกลุ่มบริษัทที่พบปัญหาน้อย และกลุ่มที่พบปัญหามากเพื่อแยกความเสี่ยงการจัดการ ไปให้ทางการจีนเพื่อพิจารณา โดยกรณีมีประวัติการแจ้งเตือนพบน้อยจะอนุญาตให้ส่งออกได้อีก การหารือในวันที่ 13 ส.ค.กรมจะชี้แจงต่อภาคเอกชนเพื่อแจ้งแนวทางที่จีนเสนอมา พร้อมขอรับฟังความเห็นจากภาคเอกชนต่อสิ่งที่จีนในฐานะประเทศคู่ค้ากำหนดว่าจะสามารถพัฒนาปรับปรุงกันได้มากน้อยเพียงใด และจะมีข้อเสนอให้จีนพิจารณาเพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อลดความเสียหายกรณีหากถูกระงับส่งออกจะกระทบกับธุรกิจและผลผลิตในประเทศเนื่องจากโรงคัดบรรจุ 66 แห่งมีปริมาณส่งออกไปจีนประมาณ 68% ของปริมาณที่ส่งออกไปสาธารณรัฐประชาชนจีน