นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะประธานกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กบร. ได้ติดตามความคืบหน้าแผนงานที่เป็นรูปธรรมสำหรับประเทศไทยในการเตรียมความพร้อมรองรับให้อุตสาหกรรมการบินกลับมาเป็นปกติในช่วง 2-4 ปีข้างหน้า ตามข้อมูลการคาดการณ์ของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เพื่อวางแผนระยะสั้นและแผนระยะยาวให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการบินสามารถเตรียมพร้อมรับโอกาสทางเศรษฐกิจเมื่อการบินกลับมาเป็นปกติได้ทันและการเดินหน้าพัฒนาระบบการบินทุกมิติเพื่อให้ไทยสามารถรักษาสถานะความเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศของภูมิภาคและพร้อมเป็นศูนย์กลางสำคัญของโลกในระยะยาว
สำหรับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 นั้น กบร. ยังคงตรึงนโยบายให้ความช่วยเหลือสายการบินในช่วงวิกฤตโควิด-19 ต่อไปอีกจนถึงสิ้นปี 2564 และคาดว่าจะขยายมาตรการช่วยเหลือต่อไปอีกหากสถานการณ์ยังไม่ฟื้นตัวในปี 2565
นอกจากนี้ได้สั่งการให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลผลกระทบต่อโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศที่อาจเกิดขึ้น จากกรณีที่สายการบินประสบสภาวะวิกฤตและยังไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างเพียงพอจนบางรายอาจไม่สามารถประคับประคองให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้
"กพท.จะเป็นเจ้าภาพดำเนินการโดยร่วมกับสายการบินจัดทำรายงานการวิเคราะห์และความจำเป็นที่สายการบินจะต้องได้รับความช่วยเหลือทางการเงินอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะวงเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) ที่สายการบินร้องขอความช่วยเหลือในขณะนี้ รวมถึงการหารือร่วมกับผู้ประกอบการทุกภาคส่วน เพื่อปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันให้มากที่สุด"
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ได้สั่งการในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และให้ กพท.วางแผนจัดทำมาตรการด้านการบินที่รัดกุมไปพร้อมกับการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อรองรับหากเกิดการขยายโครงการแซนด์บ็อกซ์ไปยังจังหวัดอื่นๆ โดยให้ถอดบทเรียนที่เกิดขึ้นจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ทั้งนี้ กพท.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการและจังหวัดต่างๆ จะประชุมหารือใน ส.ค.นี้เพื่อประเมินผลการดำเนินงานและการจัดการด้านการบินที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง หลังมีการขยายพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) ครอบคลุม 29 จังหวัด