โควิดคร่าอีก! 207 ศพ ติดเชื้อรายวันสูง 21,038 รวม ป่วยสะสม 788,126 ราย "ศบค."พบคลัสเตอร์ใหม่ในโรงงาน 3 จว. ต้องเร่งทำ "Bubble and Seal" วอนเร่งพา "ผู้สูงอายุ- ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง-หญิงตั้งครรภ์" ฉีดวัคซีนด่วน ลดอัตราการติดเชื้อ ป่วยหนัก เสียชีวิต "นายกฯ" เปิดจุดคัดกรองผู้ป่วยโควิด- รพ.สนามครบวงจรของปตท. ชี้ยอดผู้หายป่วยใกล้เคียงหรือมากกว่าผู้ติดเชื้อ แต่ยังวางใจไม่ได้ เมื่อวันที่ 11 ส.ค.64 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยว่า วันนี้ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 21,038 ราย จำแนกเป็น ติดเชื้อใหม่ 20,865 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 173 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 788,126 ราย หายป่วยกลับบ้าน 22,012 ราย เสียชีวิต 207 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 6,706 ราย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. กล่าวว่า ผลการตรวจชุดตรวจ Antigen Rapid Test Kit ในพื้นที่กรุงเทพฯ พบว่ารายงานวันที่ 10 ส.ค.64 พบอัตราการติดเชื้ออยู่ที่ร้อยละ 8.85 ส่วนรายงานผลบวกทั้งประเทศ ข้อมูลวันที่ 11 ส.ค.64 อยู่ที่ 2,081 ราย ส่วนการรายงานการพบคลัสเตอร์ใหม่ พบในพื้นที่จ.สมุทรสาคร อ.เมืองสมุทรสาคร เป็นบริษัทปิโตรเลียมติดเชื้อ 19 ราย จ.ราชบุรี ที่อ.เมือง เป็นบริษัทอาหารสำเร็จรูปติดเชื้อ 32 ราย และจ.ปราจีนบุรี ที่อ.บ้านสร้าง เป็นบริษัทเครื่องดื่มติดเชื้อ 26 ราย ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นโรงงานจึงต้องเร่งดำเนินการทำ Bubble and Seal โดยขอให้ประชาชน ต้องให้ความร่วมมือกับทางนายจ้าง จึงต้องมีการปรับตัวในการทำงาน หากพบการติดเชื้อต่อจำนวนพนักงานมากก็อาจจะต้องดำเนินการปิดโรงงาน แต่หากไม่มากก็จะมีการแยก เพื่อเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ ต้องแยกผู้ติดเชื้อออกมา แต่ต้องเน้นย้ำว่าจะต้องทำการ Bubble and Seal นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การฉีดวัคซีนในประเทศไทยรวม 21,717,954 โดส สะสมแบ่งเป็นฉีดวัคซีนเข็มแรก 16,701,428 ราย เพิ่มขึ้น 364,685 ราย เข็มที่สองจำนวน 4,692,030 ราย เพิ่มขึ้น 125,685 รายและเข็มที่สามสะสมจำนวน 324,496 ราย เพิ่มขึ้น 56,474 ราย โดยวัคซีนที่ได้มาส่วนใหญ่ให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ในส่วนของประชาชนทั่วไปเน้นย้ำฉีดให้กับผู้สูงอายุ, ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรคและหญิงตั้งครรภ์ โดยกลุ่มนี้ขอความร่วมมือประชาชนทุกคนช่วยพามาฉีดวัคซีนโดยด่วน ซึ่งการฉีดวัคซีนกว่าจะออกผลจะใช้เวลาสร้างภูมิ 2-4 สัปดาห์หากจะลดอัตราการติดเชื้อป่วยหนักหรือเสียชีวิตจึงต้องช่วยกัน" ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดจุดคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 และโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End) ของบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) โครงการ "ลมหายใจเดียวกัน" ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน พร้อมผู้บริหารบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า "สิ่งที่น่ายินดีคือยอดผู้รักษาหายใกล้เคียงหรือมากกว่าผู้ติดเชื้อในบางวัน แสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพในการทำงานของเราเริ่มดีขึ้น แต่ยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าจะทำให้ประเทศไทยนั้นอยู่รอด ประเทศไทยก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมีศักดิ์ศรีและเป็นการพัฒนาประเทศไทยไปสู่ในโลกยุคนิวนอร์มอลซึ่งจะต้องมีการเติบโตในทุกสาขา ในทุกอาชีพ ทุกกลุ่มเศรษฐกิจ กลุ่มประชาชน การพัฒนาคุณภาพชีวิต การศึกษา สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงให้เร็วที่สุด ถึงแม้จะมีสถานการณ์โควิดเข้ามาก็ตาม เราก็คงต้องดำเนินการในระหว่างนี้ เพื่อให้เกิดความพร้อมในการเดินหน้าประเทศไทยไปสู่ประเทศไทยยุคใหม่ต่อไป