รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมาโดยระบุ "ความวัวเรื่องการกระจายวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ยังไม่ทันจางหาย ความควายเรื่องพ.ร.ก. จำกัดความรับผิดฯ ก็เข้ามาแทรก หลายคนกลัวว่าจะเป็นการตีขลุมให้ฝ่ายกำหนดนโยบายแอบใช้ช่องเพื่อนิรโทษกรรมให้ตัวเองและพวกพ้องด้วย คงต้องรอฟังและให้เวลาสำหรับการพิจารณาจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดรอบคอบก่อนดำเนินการ เดี๋ยวจะเป็นเช่นการต้องยกเลิกกะทันหันสำหรับข้อกำหนดเกี่ยวกับสื่อตามมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในยามที่หาข่าวดีเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดของประเทศยังไม่เจอ กลับมีเรื่องปวดหมองมาบั่นทอนกำลังใจของบุคลากรทางการแพทย์ไม่สร่างซา ยิ่งมีข่าวสถิติผู้เสียชีวิตรายวันขึ้นไปสูงสุดวันนี้ที่ 235 คน ยิ่งทำให้ใจคอมันไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเลย เมื่อไรบรรยากาศมัวซัวในทางการแพทย์เช่นนี้จะคลี่คลายไปได้เสียที เกือบครึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิตทั้งประเทศคือ 111 คน อาศัยอยู่ในกทม. บ้านผมเองอยู่แถวพุทธมณฑล ได้ตระเวนไปเยี่ยมศิษย์ในโรงพยาบาลหลายแห่งในหลายภูมิภาคแล้ว วันนี้เป็นโอกาสดีได้ขับรถจากบ้านราว 10 นาทีไปเยี่ยมศิษย์ต่างสถาบัน ที่จบไปเป็นหมอโรคปอดของโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ปีนี้ขึ้นปีที่สองพอดี การเข้ามารับงานในหน่วยงานสังกัดกรุงเทพมหานครช่วงที่ผ่านมาของเขานั้น นับว่าถูกที่และถูกเวลาในการร่วมรับมือสถานการณ์โควิดระบาดของเมืองหลวงด้านตะวันตก จากรูปที่แสดงข้อมูลล่าสุดของโรงพยาบาลแห่งนี้ ในจำนวนผู้ป่วยที่รับไว้ในโรงพยาบาลล่าสุดเกือบทั้งหมดเป็นผู้ป่วยโควิด โดยที่ราวหนึ่งในสามเป็นผู้ป่วยอาการรุนแรงต้องใช้เครื่องไฮโฟลว์และใช้เครื่องช่วยหายใจ แม้ว่าบุคลากรโดยเฉพาะพยาบาลที่มีอยู่จำกัด แต่พวกเขาก็ทำงานกันอย่างเต็มความสามารถ เพื่อรับมือกับผู้ป่วยจำนวนมากจนล้นเกินศักยภาพ โดยที่ยังมองไม่เห็นสัญญาณบ่งชี้ว่าสถานการณ์จะทุเลาลงได้ คงไม่มีอะไรจะให้พวกเขาได้นอกจากแรงใจสนับสนุน หักมุมไปหาเรื่องปลอบประโลมใจกันดีกว่า ด้วยการหวนคิดถึงชีวิตที่ผ่อนคลายท่ามกลางไออุ่นของธรรมชาติ หากช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อพิชิตโควิดให้ได้ในเวลาไม่เนิ่นนาน การมีโอกาสออกจากเมืองกรุงไปสัมผัสอากาศสดชื่นในหัวเมือง เช่นออบหลวงส่วนตีบแคบของแม่น้ำแจ่มแห่งเมืองเชียงใหม่ในรูป คงไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม #เดือนสิงหาอย่าออกบ้าน"