รถขนส่งผู้ป่วยโควิด 19 กลับบ้าน พุ่งเสยท้ายกระบะกระแทกเก๋งทำอาสากู้ภัยเจ็บ 1 ติดภายใน ต้องฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไปทั่วบริเวณในที่เกิดเหตุอยู่ตลอดเวลา ก่อนสวมใส่ชุด PPE นำเครื่องตัดถ่างมาช่วยเหลือตัดซากรถนำออกมาอย่างวุ่นวาย โชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต แต่ส่งผลทำการจราจรติดขัดใน ชม.เร่งด่วน ท่ามกลางเส้นทางที่กำลังก่อสร้างขยายช่องจราจรที่คับแคบ
วันที่ 10 ส.ค.64 เวลา 06.30 น. ร.ต.อ.ประมวล พูลศิลป์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ตู้พุ่งชนเสยท้ายรถยนต์กระบะและรถยนต์เก๋ง ที่บริเวณบนถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี ด้านฝั่งขาออกมุ่งหน้าไปยัง อ.พนมสารคาม ก่อนถึงสี่แยกสัญญาณไฟบางคล้าประมาณ 1.6 กม. พื้นที่ ม.3 ต.เสม็ดเหนือ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ตู้ยี่ห้อโตโยต้าสีขาว หมายเลขทะเบียน ฮฮ-9803 กรุงเทพ สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ตกอยู่ภายในร่องกลางถนนที่กำลังมีการก่อสร้างขยายเส้นทาง และได้รับแจ้งจาก นายศุภกิจ จันทร์ทรง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 141 ม.6 ต.พงศ์ประศาสน์ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ คนขับซึ่งสวมชุด PPE ลักษณะแบบเสื้อกันฝน และปกปิดร่างกายมาด้วยอุปกรณ์ในการป้องกันเชื้อจากโรคโควิด 19 ว่า
บุคคลที่บรรทุกนั่งโดยสารมาภายในรถทั้งชายและหญิงนั้น เป็นผู้ป่วยโรคโควิด 19 ที่ได้รับการยืนยันผลการตรวจแล้ว จึงทำให้ทางเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยฉะเชิงเทรา ที่เดินทางเข้าไปให้การช่วยเหลือ และใช้อุปกรณ์ตัดถ่าง เพื่อช่วยเหลืออาสากู้ภัยที่นั่งมาบนรถตู้ด้วยกันบนเบาะข้างซ้ายนั้น ต้องสวมใส่ชุด PPE ในการป้องกันการติดเชื้อโควิด 19 ทั้งยังต้องพ่นยาฆ่าเชื้อภายในบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ตลอดเวลา ระหว่างที่มีการใช้เครื่องมือในการตัดถ่าง เพื่อช่วยเหลือคนเจ็บออกมา
ทราบชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บจากคนขับเพียงชื่อเล่น คือ นายกวาง อายุ 18 ปี โดยพบชื่อที่ปักอยู่บนเสื้อของอาสากู้ภัย คือ นายสิทธิ์ทวี พลทา ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะและท่อนขา ที่ถูกบีบอัดติดแน่นอยู่กับซากรถ ส่วนผู้ป่วยโควิด 19 ที่นั่งมาภายในรถตู้ทั้งชายและหญิงวัยประมาณ 25 - 30 ปีนั้น ทั้ง 2 คนไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ถูกให้ออกจากรถไปนั่งพักคอยในที่โล่งแจ้งอยู่ด้านข้างขอบทาง
สอบถามนายศุภกิจ เล่าว่า ตนเองนั้นเป็นจิตอาสา ที่มาช่วยนำพาผู้ป่วยโควิด 19 กลับบ้าน ได้เดินทางมาจากมูลนิธิสยามรวมใจ (ปู่อินทร์) บุรีรัมย์ เพื่อมารับผู้ป่วยโควิด 19 ชาย-หญิง จำนวน 2 ราย จาก รพ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อจะนำไปส่งเข้ารับการรักษายังที่ รพ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ โดยได้ขับรถออกมาจาก รพ.บ้านโพธิ์ เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. ก่อนที่จะมาประสบอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้น
ซึ่งในระหว่างเกิดเหตุตนได้เปิดไฟขอทางแล้ว และเปิดให้สัญญาณไฟไซเรน ก่อนที่จะพยายามขึ้นแซงแทรกเข้าไปในระหว่างช่องว่างตรงกลางของรถเก๋งและรถยนต์กระบะที่ขับอยู่คนละด้านของถนน แต่ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อนที่จะแซงขึ้นไปได้ นายศุภกิจ ระบุ
จากจุดแรกเลยห่างออกมาจากรถตู้ประมาณ 30 เมตร พบรถยนต์กระบะอีซูซุสีขาวแบบตอนเดียวมีคอกเหล็กด้านท้าย หมายเลขทะเบียน บฉ-655 สมุทรสาคร นอนล้มตะแคงข้างอยู่ภายร่องที่กำลังถูกปรับเป็นพื้นราบเพื่อขยายถนน สภาพมีสิ่งของที่บรรทุกมาภายในกระบะตกกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นทั่วบริเวณ ทราบชื่อคนขับ คือ นายเฉลิมพร คุ้มครอง อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 ม.4 ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร
กล่าวว่า ได้ขับรถบรรทุกสารส้มผงและคลอรีนน้ำ มาจาก จ.สมุทรสาคร เพื่อที่จะนำไปส่งที่ กปภ.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อมาถึงยังจุดเกิดเหตุได้มีรถตู้คันดังกล่าวพยายามขับแทรกเข้ามาตรงกลางทางด้านขวา ในขณะที่ตนกำลังขับมาอยู่ในเลนช่องซ้ายสุด จาก 2 ช่องจราจร ก่อนที่รถคันของตนจะถูกพุ่งชนที่ด้านท้ายอย่างแรงจนตัวรถหมุนหงายท้องหลายตลบ แต่โชคดีที่ตนและคนงานขึ้นลงของที่นั่งมาด้วยกันบนเบาะซ้ายนั้น ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ นายเฉลิมพร กล่าว
ขณะที่ นายอนันต์ พงษ์ทวี อายุ 33 ปี คนขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิคสีขาว หมายเลขทะเบียน 9กฎ-2543 กรุงเทพ ซึ่งถูกรถยนต์ตู้เหวี่ยงกระแทกชนเข้าที่ประตูหน้าด้านฝั่งซ้ายคนขับยุบ จนทำให้ตัวรถตกถนน กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนกำลังขับรถเดินทางมุ่งหน้าไปทำงานยังที่โรงงานผลิตรถยนต์แห่งหนึ่ง ภายในนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ ใน อ.แปลงยาว เมื่อเวลาประมาณ 06.30 น. ได้มีรถตู้พยายามแทรกเข้ามาทางด้านซ้าย โดยที่ตนไม่เห็นว่ามีการเปิดให้สัญญาณไฟไซเรนแต่อย่างใด ก่อนที่รถของตนจะถูกแรงเหวี่ยงกระแทกจากการชนตกถนนไปทางขวา นายอนันต์ กล่าว