"จิรายุ" บ่นเซ็งบ้านอยู่คลองสามวาแต่ "ศักดิ์ดาฎ อ.กรมน้ำบาดาล เล่นการเมืองใช้ผู้ช่วย สส.พปชร ไปแจ้งหมิ่นฯ ตนที่ สายบุรี ปัตตานี ชี้เรื่องจิ๊บจ๊อยแค่นี้ขอกันกินได้ ตนรอให้ถอนแจ้งความคดีหมิ่นมาเป็นเดือนหลังบิ๊กๆ โทรเคลียร์ขอให้จบๆกัน แต่หากเล่นใหญ่ตนก็ไม่ถอย ชี้ต้องป้องศักดิ์ศรีฝ่ายนิติบัญญัติ มอบ "มูฮำมัดอารีฟีน" กระบี่มือหนึ่ง ส.ส.สายบุรี เข้าแจ้งความ ศักดิ์ดาแจ้งความเท็จแถมพ่วง 157 ยันฝ่ายค้านพร้อมเปิดทีเด็ดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชี้แมนต์นี้มีคนกินโอเลี้ยงข้าวผัดฟรีแน่นอน                                                                 เมื่อววันที่ 10 ส.ค.นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม ในฐานะโฆษก และรองประธานอนุฯ กมธ.งบประมาณ 65 และประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ ฯ เปิดเผยว่าตนได้มอบอำนาจให้ นายมูฮำมัดอารีฟีน จะปะกิยา อดีตส.ส.ปัตตานี ผู้มากบารมีในอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานีเข้าแจ้งความดำเนินคดี กับนายศักดิ์ดา วิเชียร์ศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล อายุ 59 ปี ในข้อหานายศักดิ์ดาแจ้งความเท็จตามมาตรา 173 ,174 และมาตราอื่นๆ และข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่ โดยมิชอบตามมาตรา 157 เนื่องจากวันที่ 13 กรกฎาคม 64 ที่ผ่านมา นายศักดิ์ดาได้ให้ ผช.สส พรรคพลังประชารัฐ ไปแจ้งความตนที่อ.สายบุรี ปัตตานี ว่าตนหมิ่นประมาท ซึ่งมาจากบรรยากาศการประชุมปรับลดงบประมาณของส่วนราชการ ทั้งๆ ที่ตนเสนอให้ปรับลดงบอบรมสัมมนาของกรมฯ นายศักดิ์ดา เพียงแค่ 1 ล้าน แต่นายศักดิ์ดา หูได้ยินว่าถูกตัด 4 ล้านและกล่าวลักษณะข่มขู่ว่า "หากใครตัดงบตนจะจำไปตลอดชีวิต" สุดท้าย กมธ.ก็ปรับลดไปแค่ 5 แสนบาทซึ่งถือว่าน้อยมากในภาวะที่รัฐบาลบักโกรกเช่นนี้ ซึ่งตนก็แถลงข่าวประจำวันของกมธ.ว่าการตัดงบเป็นเรื่องปกติ ส่วนราชการไม่ควรมีฐิติ หรืออารมณ์ ตนก็ทำหน้าที่ในกมธ.งบฯ และไม่เคยรู้จักนายศักดิ์ดา เป็นการส่วนตัว และไม่เคยมีเรื่องโกรธแค้นใดๆ มาก่อนอีกด้วย แต่เมื่อนายศักดิ์ดา มีเจตนาพิเศษเพราะก่อนหน้านี้นางสาวปรีณา ไกรคุปต์ ขอชวเลขการประชุมวันดังกล่าวต่อประธานกมธ.งบฯ "คุณน้องเอ๋ ก็อ่านรายงานชวเลข ที่เขียนละเอียดยิบคุณน้องเอ๋ ยังบอกว่าไม่เห็นมีประเด็นอะไรเลยแต่นายศักดิ์ดา ยังทำจดหมายไปถึงประธานรัฐสภาเพื่อขออีก และยังให้นายยูนัยดี อารง ซึ่งเป็นคนฝ่ายการเมืองเป็นผู้ช่วย ส.ส.นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ของพรรคพลังประชารัฐ ไปแจ้งความตนที่ อ.สายบุรี จ. ปัตตานี ซึ่งตนก็สอบถามนายสัมพันธ์ แล้วยืนยันว่านายยูนัยดี ไม่เกี่ยวกับตน เป็นผู้ช่วย ส.ส.ตามโควต้าของพรรคตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้" ตนถือว่า นายศักดิ์ดา เล่นการเมือง ซึ่งโดยปกติในแวดวงการเมืองเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยนอนหลับสักตื่นก็หายเคืองกัน และที่ผ่านมาตนทำหน้าที่ทั้งรัฐบาล และฝ่ายค้านมาหลายสมัย โดนด่าเสียเทเสีย ทั้งIO และOI แต่ไม่เคยแจ้งความหมิ่นประมาทใครแม้แต่คดีเดียว เพราะถือเป็นการตรวจสอบถ่วงดุลกันและกัน และหากตนคิดจะฟ้องหมิ่นใครก็จะฟ้องแถวบ้านไม่มีเจตนาพิเศษไปฟ้องถึงปัตนานีแน่นอน แถมสัปดาห์ที่ผ่านมานายศักดิ์ดา มีเจตนาพิเศษนำสิ่งของที่มีผู้บริจาคให้กรมและนำไปมอบในนามอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลในพื้นที่เลือกตั้งเขตคลองสามวาของตนด้วยตัวเอง และยังไปเรียกอดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ มารับมอบซึ่งหากบอกตนซักนิดตนก็จะไปช่วยต้อนรับและกรมน้ำบาดาลก็อยู่เขตจตุจักร หรือบ้านนายศักดิ์ดา ที่อยู่ จ.กาญจนบุรีคนติดโควิดจำนวนมากอยู่ ซึ่งเรื่องนี้มีบิ๊กๆในรัฐบาลมาเคลียร์ตนขอให้จบๆ กันโดยตนบอกจะเคลียร์ยังไงไหวเขายังไม่ถอนแจ้งความตน นายจิรายุ กล่าวอีกว่า ตนต้องกอบกู้ศักดิ์ศรี ของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเข้าแจ้งความนายศักดิ์ดา คดีแจ้งความเท็จในมาตรา 173 ,174 และเป็นเจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ที่ สภ.สายบุรี ซึ่งหากนายศักดิ์ดา แจ้งความว่าตนหมิ่นประมาท ที่ สน.คันนายาว กรุงเทพมหานครแถวบ้านตนตนก็จะแจ้งความที่กรุงเทพ โดยฝ่ายกฎหมาย มีความเห็นว่าเรื่องนี้น่าจะมีเจตนาพิเศษ น่าจะเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองและปกปิดการทุจริตของฝ่ายบริหาร ทั้งๆ ที่เป็นการทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ การให้สัมภาษณ์เป็นไปตามเนื้อหาในที่ประชุมเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบในเรื่องกิจการบ้านเมืองเพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนรวม เป็นประโยชน์สาธารณะ เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนผู้เสียภาษี และยังเป็นการเปิดเผยโดยสุจริตของส่วนงานราชการที่ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินอันมาจากภาษีของประชาชน และยังเป็นการป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนและประโยชน์แห่งสาธารณะ และประเทศชาติตามครรลองครองธรรมและในฐานะตามตำแหน่งหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้ปฎิบัติหน้าที่และในฐานะประชาชนอีกด้วย ตนไม่เคยได้กล่าวถ้อยคำใดๆ เกี่ยวด้วยเรื่องส่วนตัวของ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ แม้แต่น้อย         จึงมีความเห็นว่า นายศักดิ์ดาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานสอบสวนเพื่อกลั่นแกล้งให้ตนในฐานะเจ้าพนักงานผู้ปฎิบัติหน้าที่ต้องรับโทษทางอาญา อีกทั้งมูลเหตุแห่งคดีนี้เกิดขึ้นที่อาคารรัฐสภากรุงเทพมหานคร และตนมีภูมิลำเนาอาศัย อยู่ในกรุงเทพมหานคร แต่กลับมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปแจ้งความต่อที่สถานีตำรวจภูธร อ.สายบุรี จังหวัดปัตตานี อีกทั้งยังให้ผู้แจ้งถ่ายรูปเอกสารใบแจ้งความให้กับสื่อมวลชน ไปเผยแพร่เพื่อเจตนาให้ตนเสียหายต่อเสรีภาพ การเดินทางต่อชื่อเสียง และทำให้ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชังอันเข้าข่ายการหมิ่นประมาทตนอีกด้วย       ซึ่งการกระทำดังกล่าวของนายศักดิ์ดา มีเจตนาพิเศษ มีวัตถุประสงค์ เพื่อกลั่นแกล้งตนในฐานะเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้นได้ ทำให้ตนได้รับความเสียหาย อันไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติที่มีหน้าที่ติดตาม และ ตรวจสอบ ฝ่ายบริหารอันหมายถึงหน่วยงานต้นสังกัด และของนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อีกด้วยจึงเป็นความผิดตามกฎหมาย         ตนจึงแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.สายบุรี จังหวัดปัตตานี ให้ดำเนินคดีอาญากับนายศักดิ์ดา  วิเชียรศิลป์ อายุ 59 ปีในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 173 ,174 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งนายศักดิ์ดา วิเชียร์ศิลป์ เป็นข้าราชการพลเรือนมีตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล แต่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับตนโดยอาศัยตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลดังกล่าว จึงถือได้ว่าการกระทำนี้จงใจใช้ตำแหน่งและอำนาจหน้าที่ในทางมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ตน ตนจึงขอร้องทุกข์กล่าวโทษในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต อีกกระทงหนึ่งด้วย             นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่าส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลนั้น ตนในฐานะฝ่ายตรวจสอบทุจริตมาตลอด 10 กว่าปียืนยันได้เลยว่าการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลครั้งนี้ฝ่ายค้านพร้อมทำหน้าที่เต็มที่และยืนยัน ว่าถ้าแมต์นี้ไม่มีข้าราชการ ระดับ ปลัดกระทรวง หรืออธิบดี กินข้าวผัดโอเลี้ยงฟรี หรือ รมต. ไม่ได้ไป ปปช. ไม่ใช่ฝ่ายค้านแน่นอนเพราะการทำงานครั้งนี้ ถือว่าเบาที่สุดในการทำข้อมูล เพราะวันนี้หลายกระทรวงมีการสาวใส้ให้กากิน โดยเฉพาะกระทรวงของพรรคร่วมรัฐบาล มีปลัด รองปลัด อธิบดีมือส่งเงิน ก็ถูกลูกน้องสาวใส้ พาจนมาก็เยอะและตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ กิจการศาลองค์กรอิสระ อัยการฯ จะติดตามการตรวจสอบร้องทุกข์กล่าวโทษกับข้าราชการที่ทุจริตหากินกับงบประมาณแผ่นดิน นอกเหนือจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกด้วย ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมาตนยื่นสำนวนคำฟ้องทุจริตข้าราชการขี้ฉ้อไปแล้ว ต่อ ปปท.ปปช.ไม่รู้กี่สำนวนนายจิรายุ กล่าว