"ในหลวง"ทรงโปรดเกล้าฯให้ใช้พื้นที่เขตพระราชฐานหลายจุดเป็นโรงพยาบาลสนามดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ด้าน "กกร." พบ"นายกฯ" เสนอปลดล็อกให้เอกชนนำเข้าวัคซีน-ผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ก่อนขาดแคลน ส่วน "ศบค." พบ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 19,603 ราย ดับเพิ่มอีก149 คน
เมื่อวันที่ 9 ส.ค.64ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" นักสังคมสงเคราะห์และนักแสดงชื่อดังโพสต์ เฟซบุ๊กระบุว่า "กราบพระบาททุกชาติไป"หลังสถานการณ์ผ่านพ้น คงได้รับรู้จากปากผู้หายป่วยกันบ้าง ว่าในหลวง ทรงโปรดเกล้า ให้ใช้พื้นที่เขตพระราชฐานหลายจุดเป็นโรงพยาบาลสนาม เพื่อช่วยลดโหลดของระบบสาธารณสุขซึ่งตึงเต็มที่ในขณะนี้ คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่พี่ๆทหารมหาดเล็กฯ ก็กำลังเพิ่มเตียงอย่างต่อเนื่อง จำนวนตึกมากมาย ในเขตพระราชฐาน ถูกปรับเป็นพื้นที่โรงพยาบาลสนาม ที่พูดในวันนี้เพราะเริ่มมีบุคคลภายนอกเริ่มรู้กันบ้างแล้วว่ามีการแบ่งคนที่ล้นจากพื้นที่ต่าง ๆเข้ามาโรงพยาบาลสนามในเขตพระราชฐาน อยากจะบอกว่าคำว่าปิดทองหลังพระคือสิ่งที่ในหลวงทรงทำมาโดยตลอด เพื่อให้ประชาชนของพระองค์รอดพ้นภัยในทุกภัยพิบัติ โดยไม่แบ่งว่าใครรักหรือไม่ ทุกคนคือประชาชนที่พระองค์ทรงรักและเมตตาเสมอ หน่วยงานในพระองค์ทำงานหนักมากครับ อย่าให้ Fake News ที่ทำร้ายพระองค์ท่าน อย่าให้ Fake News มาทำให้เข้าใจสถาบันผิด การเมืองและรัฐคือเรื่องนอก ไม่เกี่ยวกับด้านใน สิ่งที่พระองค์ท่านโปรดเกล้าฯคือทรัพย์ส่วนพระองค์ครับ #ทรงพระเจริญ #เรารักในหลวง #ไม่ว่าวันพรุ่งนี้มันจะเป็นเช่นไรก็จะไม่เสียใจกับสิ่งที่เราได้ทำ
ส่วน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)ประกอบด้วยสมาคมธนาคารไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ ส.อ.ท. จะ ทำหนังสือขอเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เร่งด่วน เพื่อเสนอแนวทางการแก้ปัญหาการแพร่รระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยภายใน 1-2 วันนี้น่าจะจัดส่งถึงนายกฯได้ประกอบด้วย 1.ขอให้ปลดล็อกการนำเข้าวัคซีน โดยให้มีการขึ้นทะเบียนวัคซีนชนิดอื่นๆ ที่องค์การอนามัยโลก(WHO) ขึ้นทะเบียนไว้และเปิดให้เอกชนสามารถนำเข้าได้ 2.ขอให้ปลดล็อกการผลิตยารักษาโควิด (Favipiravir) ให้เพียงพอต่อความต้องการ 3.การให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนเรื่องภาระค่าใช้จ่ายในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่น ค่าวัคซีน,ค่าชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) 4.การช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบ
ขณะที่ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.)รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 19,603 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 16,119 ราย จากการค้นหาเชื้อเชิงรุกในชุมชน 3,159 รายและจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 313 รายและผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 12 ราย มีผู้เสียชีวิต 149 ราย รวมยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 776,108 ราย มีผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 19,819 ราย และยอดผู้เสียชีวิตสะสม 6,353 ราย
วันเดียวกัน ที่โรงพยาบาลสัตว์ ทรี ดี เพ็ท ถนนสรงประภา นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมด้วยนางปิยาภรณ์ วงษ์บัณฑูรย์ ประธานกลุ่มอาสาดุสิต (ประเทศไทยกลับมาสดใสดีกว่าเดิม) นายวิสิษฐ กอวรกุล ประธานกรรมการรพ.สัตว์ ทรีดีเพ็ท นายฤทธิกร ก๊อใจ ผู้แทนประธานมูลนิธิสยามนนทบุรี นายชื่นชอบ คงอุดม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ ในฐานะช่วยประสานงานหนังสือ พิมพ์สยามรัฐ และนายสุธี จันทร์แต่งผล บก. ข่าว M Thai ร่วมเปิดโครงการ "ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19" และมอบข้าวกล่อง หน้ากากอนามัย ให้แก่ผู้แทนชุมชนเขตดอนเมือง เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ นายมนัสส์ กล่าวว่า โครงการ "ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงความดี สู้ภัยโควิด-19" เป็นการผนึกกำลังของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วนกว่า 100 องค์กร ทั้งมูลนิธิ กลุ่มจิตอาสา ภาคประชาสังคม และองค์กรเอกชน อาทิ กลุ่มอาสาดุสิต (ประเทศ ไทยกลับมาสดใสดีกว่าเดิม),โรงพยาบาลสัตว์ ทรี ดี เพ็ท,มูลนิธิสยามนนทบุรี หนังสือพิมพ์สยามรัฐ และ M Thai เพื่อกระจายอาหารสู่ชุมชนใน 40 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ซึ่งชุมชนดอนเมือง เป็นจุดแรกใน 5 จุด ที่กลุ่มทรูดูแลรับผิดชอบ ร่วมกับพันธมิตร ส่งมอบอาหารวันละ 1,000 กล่อง แบ่งเป็นอาหารจากบมจ. เจริญโภค ภัณฑ์อาหาร (ซีพีเอฟ) วันละ 500 กล่อง และอาหารจากร้านค้าในชุมชนใกล้เคียง วันละ 500 กล่อง เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นมีรายได้ รวมถึงมอบหน้ากากอนามัยซีพี จำนวนวันละ 3,000 ชิ้น เป็นระยะเวลาต่อเนื่องนาน 2 เดือน ซึ่งการสนับสนุนดังกล่าว สะท้อนถึงความตั้งใจของกลุ่มทรู ที่ต้องการเคียงคู่คนไทย ให้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน
ด้านนายชื่นชอบ กล่าวว่า ตนในฐานะช่วยประสานงานหนังสือพิมพ์สยามรัฐ และมูลนิธิเตาปูน มองว่า ถึงเวลาที่ทุกคนต้องช่วยกัน หากปล่อยให้ประชาชนต้องลำบาก ซึ่งจริงๆ ยังมีผู้มีกำลังหลายๆ ท่านพร้อมให้การสนับ สนุน ก็จะเป็นการเสียโอกาสของพี่น้องประชาชน โดยโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี เป็นการส่งเสริมช่วยพี่น้องประ ชาชน ที่กำลังเดือดร้อนจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งยังได้รับการประสานจากกลุ่มทรู จะลงไปสนับสนุนที่เขตบางซื่อด้วย คาดว่าประมาณ 50 วัน คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับชาวพี่น้องเขตบางซื่อ และที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง
"ผมได้ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว โครงการนี้น่าจะเป็นส่วนที่สร้างประโยชน์กับประชาชน ทั้งที่กักตัวอยู่บ้าน พี่น้องประชาชนอยู่ในชุมชนที่อาจจะมีความลำบาก เช่น ผู่ป่วยติดเตียง ผู้พิการ จึงถือเป็นส่วนสนับสนุนให้ทุกคนมีโอกาสที่จะผ่านพ้นวิกฤตไปได้"