กลุ่มธรรมาภิบาลเครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอร์รัปชั่น เข้าแจ้งความดำเนินคดี กล่าวหา พลตรี นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ใช้โซเซียลโพสต์ถ้อยคำหยาบคายและข่มขู่ กระบวนการยุติธรรม ที่สภ.เมืองอุดรธานี วันนี้ (9 ส.ค.64) ที่ สภ.เมืองอุดรธานี นายสรชัช ทองเพ็ญ อายุ 46 ปี อยู่เลขที่ 54 หมู่ที่ 4 ต.ปลาค้าว อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ ตัวแทนกลุ่มธรรมาภิบาลเครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอร์รัปชั่น ได้หอบเอกสารหลักฐานจำนวนหนึ่งเข้าแจ้งความกล่าวโทษพลตรี นพ.เหรียญทอง แน่นหนา โดยมี พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.(สอบสวน) สก.เมืองอุดรธานี รับเรื่อง ซึ่งเอกสารที่ยืนประกอบการแจ้งความอ้างถึง เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2564 พลตรี นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ซึ่งเป็นผู้ใช้โปรแกรมเฟสบุ๊คชื่อของ เหรียญทอง แน่นหนา (เป็นระบบที่ผู้ใดก็สามารถเข้าไปดูและอ่านขอความข้อความได้) ได้นำข้อความลงในเฟสบุ๊คเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2564 เวลา 08.23 น. มีข้อความว่า (ตามเอกสาร) นายสรชัช ทองเพ็ญ เปิดเผยว่า ในเฟสบุ๊คชื่อ เหรียญทอง แน่นหนา มีการโพสต์ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งหมายถึงว่าถึงศาลหรือผู้พิพากษา โดยบอกว่าใช้ดุลพินิจที่ไม่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ใช้คำหยาบคายถึงมีคำว่า เช่น คำว่าควายที่ไม่มีสระอา แล้วก็กล่าวถึงว่าเป็นการข่มขู่ลงไป ดังนั้นเราเห็นว่าการที่ผู้พิพากษาให้การประกันตัวสำหรับผู้ที่ถูกกล่าวหาในกรณีที่เป็นแกนนำผู้ชุมนุมนั้น การทำหน้าที่ฝ่ายตุลาการนั้นผมว่าก็เป็นอีกกระบวนการหนึ่งในการตรวจสอบถ่วงดุลของกระบวนการที่เป็นหลักของบ้านเมือง ดังนั้นในด้านการบริหารก็ดี ด้านนิติบัญญัติก็ดี ในด้านของตุลาการก็ดี ซึ่งผู้พิพากษาถือว่าเป็นหลัก และก็การใช้ถ้อยคำและท่าทีท่วงทำนองของท่านที่ใช้ชื่อว่าเหรียญทองแน่นหนานั้น มีลักษณะเข้ากฎหมายอาญาในการสื่อสาร การตัดสินของหรือคำสั่งของผู้พิพากษานั้นที่ทำหน้าที่นั้น ทำหน้าที่ในนามพระปรมาภิไธย เราก็มีความห่วงใยว่าการที่ไปให้ความเห็นในการดูหมิ่นเหยียดหยามทำให้เกลียดชังของผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ เหรียญทอง แน่นหนา นั้นจะเข้าข่าย 112 ด้วยหรือไม่ แล้วก็เฟซบ๊กของผู้ใช้ชื่อว่า เหรียญทอง แน่นหนา นั้น มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก การใช้ท่าทีท่วงทำนองแบบนั้นไม่เป็นผลดีต่อสังคมส่วนรวม แทนที่บ้านเมืองจะมีความเป็นปึกแผ่นแล้วก็เคารพกฎเกณฑ์ สถาบันที่เป็นหลักในบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และในการปกครองนั้นซึ่งประกอบด้วย การบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ จึงมีความสำคัญ บ้านเมืองในสถานการณ์อย่างนี้มันจะเกิดความระส่ำระสาย เรามองว่าการทำหน้าที่ในการพิจารณาคดีของผู้พิพากษานั้น มีความเป็นอิสระ เพื่อให้ปราศจากการข่มขู่คุกคามและการหมิ่นที่จะทำให้กระบวนการยุติธรรมนั้นขาดความน่าเชื่อถือเราจำเป็นที่จะต้องมาร้องทุกข์กล่าวโทษ