วันที่ 7 ส.ค.64 นายธงชาติ รัตนวิชา ที่ปรึกษาพรรคประชาชาติเปิดเผยว่า หลังจากศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเมื่อวันที่6สิงหาคม ห้ามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีบังคับใช้ประกาศข้อกำหนดออกตามความมาตรา9แห่งพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฉบับที่29เป็นการชั่วคราว พล.อ.ประยุทธ์มีทางเลือก2ทาง ทางเลือกที่1 ยกเลิกประกาศข้อกำหนดนี้ เพราะรู้ตัวว่าได้กระทำในสิ่งที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฏหมาย ไม่มีอำนาจระงับการให้บริการอินเตอร์เน็ตซึ่งศาลแพ่งได้ระบุเอาไว้ ทางเลือกที่2 ไม่ยกเลิกประกาศข้อกำหนด จะรอฟังคำพิพากษาศาลแพ่ง ระหว่างนี้ห้ามใช้อำนาจไปปิดกั้นเสรีภาพสื่อและประชาชน
นายธงชาติ กล่าวว่า ไม่ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะเลือกทางไหนก็ถือว่า ความผิดสำเร็จได้เกิดขึ้นแล้ว เป็นความผิดขั้นฉกรรจ์ฐานกระทำการไม่ชอบด้วยกฏหมายกรณีออกประกาศข้อกำหนดคุกคาม ปิดกั้นเสรีภาพสื่อและประชาชน มีเจตนาหรือจงใจปฏิบัติหน้าที่โดยใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญที่คุ้มครองเสรีภาพสื่อและขัดต่อกฎหมาย นอกจากนี้ ยังฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เรื่องนี้ฝ่ายค้านต้องนำไปซักฟอกในสภาแน่นอน และหากมีส.ส.เข้าชื่อร้องป.ป.ช.อาจนำไปสู่การพิพากษาของศาลฎีาและศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีโทษให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่และถึงขั้นจำคุก
ที่ปรึกษาพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ความผิดพลาดล้มเหลวในการแก้ปัญหาโควิดเกิดจากผู้นำรัฐบาลไม่มีฝีมือ พรรคร่วมรัฐบาลต้องรับผิดชอบร่วมกัน มาโยนความผิดให้กับสื่อและประชาชนไม่ได้ การใช้อำนาจที่เกินเลยขอบเขตรัฐธรรมนูญและกฎหมายเพื่อปิดปาก ปิดหู ปิดตาสื่อและประชาชน ดังที่ศาลแพ่งระบุในการออกคำสั่งคุ้มครองแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลเข้าตาจนแล้ว
"เมื่อเสียงเรียกรัองขับไล่ให้ลาออกไม่ได้รับการตอบสนอง แต่รัฐบาลกลับใช้ความรุนแรงเข้าสกัดกั้น ซึ่งอาจเกินเลยอำนาจย่อมนำมาซึ่งความไม่พอใจของประชาชน การเดินขบวนประท้วงขับไล่จะไม่มีเลิกรา ทนได้ก็ทนไป แต่ทนแล้วต้องแก้ปัญหาโควิดและปัญหาอื่นๆให้ได้ด้วย"นายธงชาติ กล่าว