“รมช.เกษตรฯ” ตรวจราชการชายแดนแม่สอด –ด่านพรมแดน สะพานมิตรภาพฯ 2ประชุมแก้ไขปัญหาชายแดน-สั่งให้รณรงค์ประชาชนปลูกฟ้าทะลายโจรในพื้นที่ 40 ล้านไร่ แจกจ่ายทั่วประเทศ ให้ประสานเมียนม่าให้แรงงานเข้ามาอยู่ในระบบ
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2564 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ พร้อมด้วยคณะได้เดินทางไปยังด่านพรมแดนไทย-เมียนมา 2 (แม่สอด-เมียวดี) บ้านวังตะเคียนใต้ หมู่ที่ 7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จังหวัดตาก โดยมีนายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก นำหัวหน้าส่วนราชการให้การต้อนรับ และ รมช.เกษตร ฯ ได้ประชุมร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ห้องประชุม ด่านพรมแดน 2. ด่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2. บ้านวังตะเคียนใต้ หมู่ 7. ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ด้านต่างๆของชายแดนแม่สอด เพื่อแก้ไขปัญหา
โดยที่ประชุมมีการรายงานถึงสถานการณ์ด้านความมั่นคงการลักลอบข้ามแดน,การขอกลับเข้ามาในราชอาณาจักรของผู้ที่ทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน,การหลบหนีภัยสงครามและอื่นๆที่อาจเกิดผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและประเด็นสำคัญคือการให้ข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ที่มีผลกระทบ โดยภาพรวม ซึ่งในพื้นที่ชายแดนขนาดนี้มีการแพร่ระบาด ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้สนับสนุนเงินบริจาคให้ โรงพยาบาลอุ้มผาง เพื่อใช้ในการดูแลผู้ป่วยผู้ติดเชื้อโควิค 19 , รวมทั้งมอบข้าวกล่อง, น้ำดื่มสะอาด, ชุด PPE ,หน้ากากอนามัย KN 95. ให้บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลแม่สอด
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ได้ประชุมกับหน่วยงานราชการมีเรื่องสำคัญที่น่าสนใจคือ ปัญหาการลักลอบเข้ามาของแรงงานต่างด้าวตามแนวชายแดน โดยได้บอกให้รองผวจ.ตากฝ่ายความมั่นคงให้มีการเข้มงวดในการป้องกันการลักลอบเข้าเมือง และให้ประสานกับประเทศเพื่อนบ้านให้มีมาตรการจากระบบใต้ดินขึ้นมาสู่บนดินถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านระบบสาธารณสุขให้เรียบร้อยทั้ง 2 ประเทศเพื่อการคัดกรองผู้ป่วยติดเชื้อที่เข้ามาจากประเทศเพื่อนจะได้ไม่มาระบาดในประเทศไทย ส่วนเรื่องที่สองการณรงค์ให้ประชาชน ปลูกสมุนไพรประเภทฟ้าทลายโจรในพื้นที่สปก.40 กว่าล้านไร่ทั่วประเทศไทย และผลิตฟ้าทลายโจรแจกประชาชนทั่วประเทศไทยในทุกหมู่บ้านทุกตำบล เป็นการรักษาเบื้องต้นเพราะขณะนี้ในพื้นที่กทม.มีการรักษาที่บ้านด้วยฟ้าทลายโจร เช่นเดียวกับกระทรวงยุติธรรมได้นำฟ้าทะลายโจร รักษานักโทษซึ่งถือว่าได้ผลมากถึงร้อยละ90 และทางรัฐบาลมีการขับเคลื่อนมานาน 1 เดือนแล้ว
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2564 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ พร้อมด้วยคณะได้เดินทางไปยังด่านพรมแดนไทย-เมียนมา 2 (แม่สอด-เมียวดี) บ้านวังตะเคียนใต้ หมู่ที่ 7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จังหวัดตาก โดยมีนายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก นำหัวหน้าส่วนราชการให้การต้อนรับ และ รมช.เกษตร ฯ ได้ประชุมร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ห้องประชุม ด่านพรมแดน 2. ด่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2. บ้านวังตะเคียนใต้ หมู่ 7. ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ด้านต่างๆของชายแดนแม่สอด เพื่อแก้ไขปัญหา
โดยที่ประชุมมีการรายงานถึงสถานการณ์ด้านความมั่นคงการลักลอบข้ามแดน,การขอกลับเข้ามาในราชอาณาจักรของผู้ที่ทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน,การหลบหนีภัยสงครามและอื่นๆที่อาจเกิดผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและประเด็นสำคัญคือการให้ข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ที่มีผลกระทบ โดยภาพรวม ซึ่งในพื้นที่ชายแดนขนาดนี้มีการแพร่ระบาด ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้สนับสนุนเงินบริจาคให้ โรงพยาบาลอุ้มผาง เพื่อใช้ในการดูแลผู้ป่วยผู้ติดเชื้อโควิค 19 , รวมทั้งมอบข้าวกล่อง, น้ำดื่มสะอาด, ชุด PPE ,หน้ากากอนามัย KN 95. ให้บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลแม่สอด
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ได้ประชุมกับหน่วยงานราชการมีเรื่องสำคัญที่น่าสนใจคือ ปัญหาการลักลอบเข้ามาของแรงงานต่างด้าวตามแนวชายแดน โดยได้บอกให้รองผวจ.ตากฝ่ายความมั่นคงให้มีการเข้มงวดในการป้องกันการลักลอบเข้าเมือง และให้ประสานกับประเทศเพื่อนบ้านให้มีมาตรการจากระบบใต้ดินขึ้นมาสู่บนดินถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านระบบสาธารณสุขให้เรียบร้อยทั้ง 2 ประเทศเพื่อการคัดกรองผู้ป่วยติดเชื้อที่เข้ามาจากประเทศเพื่อนจะได้ไม่มาระบาดในประเทศไทย ส่วนเรื่องที่สองการณรงค์ให้ประชาชน ปลูกสมุนไพรประเภทฟ้าทลายโจรในพื้นที่สปก.40 กว่าล้านไร่ทั่วประเทศไทย และผลิตฟ้าทลายโจรแจกประชาชนทั่วประเทศไทยในทุกหมู่บ้านทุกตำบล เป็นการรักษาเบื้องต้นเพราะขณะนี้ในพื้นที่กทม.มีการรักษาที่บ้านด้วยฟ้าทลายโจร เช่นเดียวกับกระทรวงยุติธรรมได้นำฟ้าทะลายโจร รักษานักโทษซึ่งถือว่าได้ผลมากถึงร้อยละ90 และทางรัฐบาลมีการขับเคลื่อนมานาน 1 เดือนแล้ว