นิวไฮรายวัน! ศบค.แถลงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 20,920 ราย ตาย 160 ศพ มีผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มขึ้น 17,926 ราย "สธ."จัดทีม"ซุปเปอร์ไรเดอร์"ส่งยาด่วนให้ผู้ติดเชื้อรักษาตัวที่บ้านในพื้นที่ กทม. ขณะที่"ฮู"หวั่นวัคซีนโควิดขาดแคลน! วอนทั่วโลกระงับฉีด"บูสเตอร์"เข็ม 3 ถึงสิ้นก.ย. เผยฉีดวัคซีน"แอสตราฯ"เข็มแรก ช่วยลดตาย-ป่วย จากสายพันธุ์"เดลตา"ได้ เมื่อวันที่ 5 ส.ค.64 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 20,920 ราย ประกอบด้วย ผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 17,312 ราย จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 3,338 ราย และจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 262 ราย ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 8 ราย เสียชีวิต 160 ราย สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงล่าสุดอยู่ที่ 693,305 ราย โดยมีผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มขึ้น 17,926 ราย ยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 5,663 ราย สำหรับจุดตรวจโควิด-19 ฟรี ด้วย Antigen Test Kit จำนวน 3 แห่ง ดังนี้ (1.) สนามกีฬาธูปะเตมีย์ กองทัพอากาศ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดย สปคม. ขยายจนถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2564 (หยุดวันเสาร์-อาทิตย์) ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. (2.) สนามราชมังคลากีฬาสถาน (หัวหมาก) เขตบางกะปิ กทม. ขยายจนถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2564 (หยุดวันเสาร์-อาทิตย์) ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. และ(3.) ลานจอดรถ ชั้น 1 อาคารบี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถ.แจ้งวัฒนะ กทม. ตรวจโดย คณะเทคนิคการแพทย์ ม.มหิดล ขยายเพิ่มอีก 2 วัน วันที่ 2-3 ส.ค.64 เวลา 8.00-16.00 น. ทั้งนี้ประชาชนที่เข้ารับการตรวจคัดกรองโควิดเชิงรุก ต้องเตรียมบัตรประชาชนตัวจริงพร้อมสำเนาบัตร 2 ชุดไปด้วย และหากผลเป็นบวก จะมีการจับคู่คลินิกชุมชนอบอุ่นดูแลที่บ้านหรือที่ชุมชน วันเดียวกัน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย สามารถพักรักษาตัวที่บ้านได้ โดยต้องขึ้นทะเบียนและแยกรักษาตัวที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน หรือจนกว่าอาการจะหาย กรมควบคุมโรคได้จัดหน่วยส่งยาด่วน หรือเรียกว่า "ซุปเปอร์ไรเดอร์" ซึ่งเป็นประชาชนจิตอาสา ขณะนี้มีจำนวน 60 คน เพื่อนำชุดอุปกรณ์ที่จำเป็นในการดูแลรักษาอาการที่บ้าน ประกอบด้วย ยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ ยาฟ้าทะลายโจร ปรอทวัดไข้ เครื่องตรวจวัดออกซิเจนปลายนิ้ว เจลแอลกอฮอล์ ล้างมือ หน้ากากอนามัย ป้องกันการแพร่เชื้อ ขณะนี้ส่งมอบไปแล้วกว่า 100 ราย นอกจากนี้ กรมควบคุมโรคยังได้จัดทีมปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด 19 เชิงรุกหรือที่เรียกว่า ซีซีอาร์ทีม (Comprehensive COVID-19 Response Team : CCR Team) จากสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง จำนวน 12-15 ทีม ร่วมกับ กทม. และเครือข่ายอื่นๆ เข้าค้นหาผู้มีความเสี่ยงที่อยู่ในชุมชนทั้ง 6 โซน ใน 50 เขตของกทม. โดยแต่ละทีมจะทำการควบคุมโรค ตรวจคัดกรองการติดเชื้อด้วยชุดเอทีเค ได้วันละประมาณ 1,000 ราย ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ให้กลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ป่วยติดเตียง รวมทั้งประเมินระบบการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 ตามพื้นที่เสี่ยงสำคัญ เช่น แคมป์ก่อสร้าง ตลาดสด ชุมชน และให้ความรู้ในการป้องกันโรคโควิด 19 ด้วย ประชาชนที่มีอาการเจ็บป่วย สงสัยอาจติดเชื้อโควิด 19 ขณะที่ สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผอ.องค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ (ฮู) เรียกร้องให้บรรดาประเทศต่างๆ ทั่วโลกระงับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เข็มที่ 3 หรือบูสเตอร์ ให้แก่ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยขอให้ระงับการฉีดชั่วคราวไปก่อนจนถึงสิ้นเดือน ก.ย.เป็นอย่างน้อย เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนวัคซีนและความเหลื่อมล้ำในการกระจายวัคซีนระหว่างกลุ่มประเทศร่ำรวยไปยังกลุ่มชาติยากจน พร้อมกันนี้ ดร.กีบรีเยซุส ยังระบุด้วยว่า การระงับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ชั่วคราว จะช่วยทำให้บรรลุเป้าหมายของการฉีดวัคซีนให้แก่ประชากรอย่างน้อยร้อยละ 10 ของทุกประเทศได้ ผอ.ดับเบิลยูเอชโอ ยังเผยอีกว่า เข้าใจเป็นอย่างดีถึงเหตุผลที่บรรดาประเทศต่างๆ ฉีดวัคซีนบูสเตอร์เพื่อปกป้องพลเมืองจากไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สายพันธุ์เดลตา แต่ตนไม่อาจยอมรับได้ต่อกรณีที่ประเทศใช้วัคซีนส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในโลกไปแล้วและยังต้องการใช้เพิ่มขึ้นอีก ในขณะที่ประชาชนของประเทศอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความเปราะบาง ยังไม่ได้รับวัคซีน รายงานข่าวแจ้งว่า ประเทศที่มีแผนการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ได้แก่ อิสราเอล ซึ่งเริ่มไปเมื่อเดือนที่แล้ว ให้แก่ประชากรอายุมากกว่า 60 ปี และที่เยอรมนีมีแผนการที่จะฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีนขนานของไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ตั้งแต่เดือน ก.ย. เป็นต้นไป ทางด้าน เว็บไซต์แอสตราเซเนกาดอทคอม เปิดเผยว่า จากผลการศึกษาติดตามการใช้วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ขนานของแอสตราเซเนกา ในประเทศแคนาดา พบว่า วัคซีนเข็มแรก มีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดการเจ็บป่วยของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา สายพันธุ์เบตา และสายพันธุ์แกมมา ในระดับที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้ และยังป้องกันการเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของบรรดาสายพันธุ์ดังกล่าวได้ด้วย โดยกับสายพันธ์เบตาและแกมมา สามารถลดการเสียชีวิตได้ร้อยละ 82 ส่วนสายพันธุ์เดลตาลดได้ถึงร้อยละ 87 เว็บไซต์แอสตราเซเนกาดอทคอม ยังระบุด้วยว่า ผลการศึกษาดังกล่าว มีขึ้นจากการติดตามรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 69,533 ราย ในพื้นที่รัฐอนเทรีโอ ประเทศแคนาดา ระหว่างช่วงเดือน ธ.ค. 2020 - พ.ค. 2021 ขณะที่ สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ทั่วโลกยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจำนวน 201,010,829 ราย ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 4,270,279 ราย และผู้ป่วยที่รักษามีจำนวนสะสม 181,017,024 ราย โดยสหรัฐฯ พบผู้ป่วยติดเชื้อสะสมมากที่สุดในโลกจำนวน 36,176,471 ราย ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 631,299 ราย มากเป็นอันดับ 1 ของโลกเช่นกัน และผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 29,787,316 ราย