เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2564 กลุ่มผู้สื่อข่าวจังหวัดสุรินทร์ ได้รับการร้องเรียนจากนายบุตรดี สมภักดิ์ อายุ 65 ปี บ้านเลขที่ 114 ม.7 ต.กุดขาคีม อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ว่าตนในฐานะคณะกรรมการป่าชุมชนจังหวัดสุรินทร์ จึงร้องเรียนให้สื่อมวลชนลงไปช่วยตรวจสอบและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากกรณี เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่งใช้รถแบคโฮ เข้าแผ้วถางทำลายพื้นที่ป่าสาธารณะประโยชน์หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าป่าช้าเดิม ตั้งอยู่ที่ บ้านดงเปือย ม.7 เนื้อที่ 11 ไร่ 43 ตารางวา ซึ่งมีสภาพเป็นป่าไม้ที่สมบูรณ์ มีต้นไม้เล็กน้อยใหญ่ขึ้นจำนวนมาก ขณะพื้นที่ส่วนหนึ่งของพื้นที่ป่า ชาวบ้านยังใช้ประโยชน์ในการตากข้าวเปลือกในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวด้วย ในการเข้าทำลายพื้นที่ดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำที่เย้ยต่อกฎหมายบ้านเมือง และข่มแหงจิตใจชาวบ้านอย่างมาก โดยก่อนนั้นไม่มีใครทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อนเลย แต่อยู่ๆ รถแบคโฮก็เข้ามาแผ้วถางป่า ไถต้นไม้เล็กน้อยใหญ่ล้มระเนระนาด ก่อนที่จะปรับพื้นที่เป็นและขนทรายจากลำน้ำมูลมาพักเก็บไว้เป็นกองมหึมา หลังจากพวกตนเห็นเหตุการณ์ ในวันที่ 8 มีนาคม 2564 จึง ได้ทำหนังสือถึงศูนย์ดำรงธรรมอำเภอรัตนบุรี และโทรศัพท์ประสานแจ้งไปยัง จนท.หน่วยพิทักษ์รักษาป่า ที่ สร.5 รัตนบุรี ให้ลงพื้นที่มาตรวจสอบและทำความเข้าใจให้กับชาวบ้านได้ทราบ ตั้งแต่นั้นจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ทราบความคืบหน้าแต่อย่างใด ขณะที่ผู้ประกอบการก็ยังใช้รถบรรทุกทรายเข้ามาเก็บไว้ในสถานที่ป่าสาธารณะประโยชน์จนทุกวันนี้ จากนั้นผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ได้พบกับชาวบ้านจำนวนหนึ่งรออยู่ในพื้นที่เกิดเหตุซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสาธารณะประโยชน์ พบมีเสาและแผ่นป้ายที่แสดงว่าเป็นพื้นที่ป่าสาธารณะประโยชน์โค่นหักกองจมอยู่ในคูน้ำ นอกจากนั้นยังพบซากและตอไม้จำนวนหนึ่ง กระจัดกระจายหลงเหลือให้เห็น ขณะที่ด้านในมีทรายกองมหึมากองอยู่ และมีป้ายสีเขียวปักไว้ด้านหน้า มีข้อความว่า สถานที่กองพักวัสดุที่ได้จากการขุดลอก(ทราย) ตามโครงการขุดลอกแม่น้ำมูล เพื่อดูแลและรักษาสภาพน้ำ โดยองค์การบริหารส่วนตำบลกุดขาคีมกับกับ บริษัทสินเจริญสนม ด้านนายคเณศวร เกษอินทร์ นายอำเภอรัตนบุรี กล่าวว่าตนพึ่งได้รับทราบเรื่องราวการร้องเรียนจากชาวบ้าน ซึ่งก็ไม่นิ่งนอนใจพร้อมจะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเร่งตรวจสอบหาข้อเท็จจริงตามที่ชาวบ้านร้องเรียนต่อไป