จนท.อาวุโสฝ่ายรณรงค์เชิงนโยบาย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย พร้อมพวก รวม 5 คน เข้าพบ พงส. รับทราบข้อกล่าวหา ที่ สน.นางเลิ้ง
วันนี้ (4 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ สน.นางเลิ้ง นางสาวภัทรานิษฐ์ เยาดำ เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายรณรงค์เชิงนโยบาย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ในฐานะนักปกป้องสิทธิมนุษยชน พร้อมพวก รวม 5 คน ได้เดินทางมาเข้าพบพนักงงานสอบสวนหลังที่ถูกหมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและ พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ หลังจากกิจกรรม ‘คืน-ยุติธรรม’ เพื่อรำลึกถึงผู้ถูกบังคับให้สูญหาย เนื่องในวาระครบ 1 ปี 1 เดือนการหายตัวไปของวันเฉลิม ซึ่งยังไม่มีความคืบหน้าทางคดี และร่วมเสวนากับญาติและบุคคลใกล้ชิดกับผู้ที่ถูกบังคับให้สูญหาย เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 64 บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจัดโดย กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ โดยมีมวลชนและตัวแทนจากแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ร่วมมอบดอกไม้ให้กำลังใจ
นางปิยนุช โคตรสาร แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า เนื่องจากวันนี้มีเจ้าหน้าที่ของ แอมเนสตี้ ถูกดำเนินคดีอย่างน้อย5คน หลังจากที่เจ้าหน้าที่ไปเป็นวิทยากร พูดเรื่องสิทธิมนุษยชน โดยเฉพราะเรื่องการถูกบังคับให้สูญหาย เมื่อวันที่4 ก.ค. ซึ่งประเด็นที่พูดในวันนั้น เป็นเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเรารับไม่ได้ ทุกคนไม่ควรถูกดำเนินคดีเพียงแค่ประชาชนลุกขึ้นมาพูดในเรื่องของสิทธิมนุษยชน มันแสดงให้เห็นว่ารัฐพยายามที่จะใช้กฎหมายปิดปากประชาชน วันนี้จึงอยากมาให้กำลังใจ และแสดงออกให้รัฐเหตุว่า กฎหมายไม่สามารถปิดปากพวกเราได้ อีกทั้งสิ่งที่เพื่อนตนพูดบนเวทีในวันนั้นก็เป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนที่ควรมีและเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ร่วมถึงเป็นสิ่งที้รัฐบาลไทยมีพันธะกรณีในเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกติกาสากลว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง หรือปฏิญญาสากล ซึ่งมันเป็นสิ่งที่คล้อยตามกับสิ่งที่รัฐบาลไทยเคยให้พันธะกรณีไว้ ทั้งนี้ต้อถามกับทางรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำอยู่ว่ามันเป็นสิ่งที่ย้อนแย้งกับพันธะกรณีที่เคยให้ไว้หรือไม่ ทั้งนี้ทางองค์กรยังเน้นย้ำเรียกร้องให้รัฐบาลไทยทำหน้าที่ปกป้องคุมครอง ไม่ใช่ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว โดยการทำร้ายหรือคุมคามเพียงเพราะเขาออกมาสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองตอนนี้