คาร์ม็อบมาจริง ขับรถบีบแตรชูสามนิ้วโชว์ป้ายด่ารัฐบาล ขับไล่นายกรัฐมนตรีทั่วเมืองแปดริ้วถึง 2 ตลบ ขณะตำรวจทำได้แค่เซฟศาลากลาง จ.ฉะเชิงเทราไว้ พร้อมด้วยพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ร.10 ด้วยกรวยยางวางเรียงล้อมกรอบไม่ให้กลุ่มนักเคลื่อนไหวได้เฉียดเข้ามาใกล้ ขณะชาวบ้านส่วนใหญ่ได้แต่ปล่อยวางนิ่งเฉยยืนเกาะขอบประตูหน้าบ้านมองดูอยู่ห่างๆ แต่มีบางส่วนชูสามนิ้วตอบรับขณะขบวนแว้นทางการเมืองขับผ่าน
วันที่ 1 ส.ค.64 เวลา 15.00 น. กลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมืองคาร์ม็อบ แปดริ้วไม่ทน ได้เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณด้านหลังศาลาจตุรมุข (ศาลาไทย) ด้านฝั่งตรงข้ามศาลากลาง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อจัดกิจกรรมในการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง ประกอบด้วยรถจักรยานยนต์ประมาณ 200 คัน และรถยนต์ประมาณ 80 คัน ก่อนที่จะเคลื่อนตัวออกจากจุดนัดหมาย ที่บริเวณด้านหลังศาลาไทยไปตามถนนสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ (สวนสมเด็จย่า)
มุ่งหน้าออกไปยังถนนมหาจักรพรรดิ ก่อนไปเลี้ยวเข้าสู่ถนนชุมพล ต่อเนื่องไปจนถึงถนนศุภกิจ และเลี้ยวรถกลับที่บริเวณใต้สะพานทางรถไฟยกระดับตลาดบ้านใหม่ 100 ปี กลับมายังถนนพานิช เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนมรุพงษ์ ผ่านไปยังหน้าค่ายทหาร ช.พัน 2 รอ. เข้าสู่ถนนศรีโสธร ผ่านหน้าวัดโสธรวรารามวรวิหาร บนเส้นทางถนนเทพคุณากรไปออกสู่ถนนสิริโสธร (ฉะเชิงเทรา-บางปะกง) มุ่งหน้าไปยังสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.ฉะเชิงเทรา
เลี้ยวเข้าสู่ถนนมหาจักพรรดิ์ เข้าสู่ถนนสวนสมเด็จฯ และกลับเข้ามายังบริเวณด้านหลังศาลาไทยตามเดิมในเวลา 15.50 น. หลังกลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวพักผ่อนกันได้ประมาณ 40 นาที ในเวลา 16.30 น. กลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ยังเหลืออยู่ด้วยจำนวนรถจักรยานยนต์ประมาณ 150 คัน และรถยนต์ประมาณ 40 คัน ได้มีการเคลื่อนขบวนออกไปตระเวนขับรถแสดงเชิงสัญลักษณ์ทางการเมืองอีกครั้ง
โดยได้ใช้เส้นทางเดิมเกือบตลอดสาย แต่มีการเปลี่ยนเส้นทางในช่วงปลายหลังจากขบวนผ่านหน้าสถานีขนส่งผู้โดยสารฉะเชิงเทราแล้ว และเข้าสู่ถนนมหาจักรพรรดิ์ ได้เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนศรีโสธรตัดใหม่ และเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนหน้าเมืองก่อนเข้าสู่ถนนเรืองวุฒิ และเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนสุขเกษม เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนสวนสมเด็จฯ กลับมายังบริเวณด้านหลังศาลาไทยตามเดิมในเวลา 17.10 น.
จากนั้นในเวลา 17.20 น. ได้มีการรวมตัวกันบนสนามหญ้าด้านข้างศาลาไทย พร้อมกล่าวคำด่า และขับไล่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับไปในที่สุดเมื่อเวลา 17.25 น. โดยไม่ได้มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้นระหว่างการจัดกิจกรรมทางการเมืองดังกล่าว
ซึ่งบรรยากาศการเคลื่อนขบวนแสดงกิจกรรมทางการเมืองนั้น ในขณะที่ขบวนรถขับผ่านบ้านเรือนร้านค้าของประชาชนชาว จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ที่อยู่ภายในบ้านเรือนริมทางส่วนใหญ่มีท่าทีนิ่งเฉย บางส่วนได้ออกมายืนเกาะขอบประตูหน้าบ้านดูกลุ่มขบวนรถที่กำลังบีบแต่ส่งเสียงดังระงมขับผ่านไป และมีบางส่วนได้แสดงสัญลักษณ์ชูสามนิ้วโต้ตอบกลับ หรือโบกมือให้เป็นการตอบรับ
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองทำได้เพียงนำกรวยยางมากั้น ปิดล้อมพื้นที่บริเวณใจกลางของสนามหน้าศาลากลาง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งมีพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัฐกาลที่ 10 ประดิษฐานอยู่ที่บริเวณด้านหน้าศาลาไทย และมีรถยนต์สายตรวจขับติดตามประกบที่บริเวณด้านท้ายของขบวนกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ขับผ่านไปตามเส้นทางสายต่างๆ จนทั่วทั้งเมือง
ซึ่งกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่เดินทางมาร่วมในการแสดงออกทางการเมืองในวันนี้ มีทั้งจากคนในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา และกลุ่มผู้ใช้แรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมย่าน อ.บางปะกง และผู้ที่เดินทางมาจากใน จ.ชลบุรี รวมถึงเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ด้วยบางส่วน