นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบรับซื้อยาเส้นจากชาวไร่ยาสูบในพื้นที่ อ.หล่มสัก อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ว่าได้รับความเดือดร้อนจากการที่สรรพากร กำลังดำเนินการเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อนจากผู้ประกอบการ ทั้งๆที่ได้ชำระภาษีสรรพสามิตในรูปแบบของอากรแสตมป์ไปแล้ว การกระทำเช่นนั้นถือว่าเป็นการรีดเลือดจากปูในยามที่ทุกคนเดือดร้อนจากโควิด-19 หรือไม่ กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากกรมสรรพากร ได้สั่งการไปยังสรรพากรพื้นที่จังหวัดต่างๆทั่วประเทศที่มีเกษตรปลูกยาเส้นหรือยาสูบ ให้ดำเนินการเรียกพบและเร่งรัดให้ผู้ประกอบการรับซื้อยาเส้นให้ชำระภาษี ภงด.90 ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2561-2563 จนมาถึงช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 ภายในวันที่ 30 ก.ค.64 ที่ผ่านมา อันชี้ให้เห็นถึงนโยบายที่ไม่เป็นธรรมต่อประชาชนหรือสังคม อาจขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2560 ม.62 ม.73 ประกอบ ม.40 โดยชัดแจ้ง ทั้งนี้พ่อค้ายาเส้นส่วนใหญ่เป็นคนกลางในการรับซื้อยาเส้นมาจากเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ โดยได้ทำการชำระภาษีสรรพสามิตในรูปแบบของอากรแสตมป์ในอัตรากิโลกรัมละ 100 บาทและชำระภาษีให้กองทุนอื่นๆรวมเป็นกิโลกรัมละ 117.50 บาทอยู่แล้ว จากอัตราเดิมที่เคยเสียในอัตรา 5 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 20 เท่าหรือ 2000% การที่สรรพากรมาเรียกเก็บภาษีเงินได้หรือ ภงด.90 เพิ่มอีกโดยที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในอดีตและเป็นการเรียกเก็บย้อนหลังอีกด้วย ชี้ให้เห็นว่าเป็นการเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อนและไม่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการรับซื้อยาเส้น นอกจากนั้น การประเมินฐานภาษีจากผู้ค้าคนกลางโดยคิดจากมูลค่าสินค้าที่รับซื้อมาจากเกษตรกรว่าเป็นการซื้อมาขายไปนั้น เป็นวิธีคิดที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เนื่องจากพ่อค้าคนกลางเป็นเพียงผู้รับจ้างจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยาเส้น โดยทำหน้าที่เพียงรวบรวมยาเส้นจากเกษตรกรผู้ปลูกยาเส้นไปให้โรงงานผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยาเส้น ซึ่งจะได้รับค่าจ้างหรือกำไรที่ถือเป็นรายได้สุทธิเพียงถุงละ 20-60 บาทเท่านั้น การประเมินฐานภาษีโดยคิดเอาจากยอดราคายาเส้นสุทธิเป็นรายได้พึงประเมินนั้น เป็นการประเมินที่ไม่ถูกต้อง ซ้ำซ้อน และไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งการเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง 3 ปี เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ไม่สอดคล้องกับปัญหาที่เกษตรกร พ่อค้า ผู้ประกอบการทุกคนที่กำลังเผชิญกับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อันถือได้ว่าเป็นการซ้ำเติมประชาชน ซึ่งโดยปกติพ่อค้าคนกลางจะเสียภาษีบุคคลธรรมดาอยู่แล้ว แต่กลับมาเรียกเก็บย้อนหลังเพิ่มขึ้นพร้อมเบี้ยปรับเยี่ยงนี้ ถือได้ว่าเป็นการ “รีดเลือดจากปู” และชี้ให้เห็นถึงฐานะทางการเงินการคลังของรัฐบาลที่อาจถึงขั้น “ถังแตก” จึงเสาะหาวิธีการทุกรูปแบบเพื่อไล่เก็บภาษีจากประชาชน เพื่อนำไปจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ซื้อเรือดำน้ำให้กับกองทัพหรือไม่ ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงได้ส่งเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยเพื่อยับยั้งกระบวนการรีดเลือดจากปูของกรรมสรรพากรต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด