จากกรณีอาสาสมัคร “บังซา” ที่ไลฟ์สดถึงการทำงานอย่างหนักของเจ้าหน้าที่และปัญหาของระบบการจัดการในโรงพยาบาลบุษราคัม ซึ่งภายหลังถูกทางโรงพยาบาลเชิญให้ออกจากพื้นที่ อีกทั้งตนเองที่ยังกักตัวไม่ถึง 14 วัน ไม่ได้รับการตรวจหาเชื้ออีกครั้ง และไม่ได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลอีกว่าจะให้ตนเองไปกักตัวอยู่ที่ไหน ซึ่งถ้าหากให้กลับไปกักตัวอยู่ที่บ้านก็หวั่นว่าจะเกิดเป็น คลัสเตอร์บังซาดังที่กลาวมาก่อนหน้านี้
ล่าสุดทาง นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุษราคัม ได้ชี้แจงในปมปัญหาที่เกิดขึ้น ว่า ทางเจ้าหน้าที่ต้องขอขอบคุณบังซาที่มีการสะท้อนแง่มุมภาระงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเท่าที่ดูก็ไม่ได้เห็นว่ามีการตำหนิเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด เพียงแต่ว่าการนำเสนอที่อาจจะต้องการให้มีความน่าสนใจ จึงมีการใช้คำพูดที่รุนแรง แต่เชื่อว่าไม่ได้มีเจตนาอะไร ทั้งนี้ถ่ายทำ ตามปกติแล้วจะมีเรื่องของสิทธิผู้ป่วย ซึ่งหากกระทำได้ต้องมีการขออนุญาตผู้ป่วยและทาง รพ. ซึ่งเป็นวิธีการปกติตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล โดยทั่วไปแล้วถือว่าพื้นที่ในโรงพยาบาลบุษราคัม เป็นโรงพยาบาล ดังนั้น การถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอ โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะภาพผู้ป่วย ภาพเจ้าหน้าที่ในระหว่างการปฏิบัติงาน โดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นการละเมิดสิทธิ แม้กระทั่งผู้ป่วยถ่ายภาพผู้อื่นภายในโรงพยาบาลเอง ก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน ทั้งนี้ เป็นแนวทางปฏิบัติเดียวกันกับ โรงพยาบาลทั่วไป
อย่างไรก็ตาม นพ.กิตติศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า กรณีที่ต้องออกจากโรงพยาบาล เป็นไปตามมาตรฐานการรักษาผู้ป่วยของกรมการแพทย์ ที่ผู้ป่วยอยู่ครบ 7 วันแล้วก็สามารถกลับไปรักษาต่อที่บ้านได้ โดยเฉพาะสถานการณ์เช่นนี้ เตียงมีความสำคัญมาก ดังนั้นหากผู้ป่วยสามารถกลับไปดูแลตัวเองที่บ้านได้ ก็เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยรายอื่นที่รอเตียงเข้ามาได้