ชาวบ้าน โร่แจ้งร้องทุกข์ ตำรวจ สภ.ท่าตาฝั่ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน พบมีการบุกรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์ของหมู่บ้าน หลังมีเอกชนพยายามเข้าไปครอบครอง แล้วทำการขุดถมเปลี่ยนทิศทางน้ำ วันที่ 30 กรกฎาคม 2564 นายกิตติ์นิพัทธ์ เมืองยวม อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ที่ 8 ต.แม่ยวม เป็นตัวแทนชาวบ้านคะปวง หมู่ที่ 8 ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เข้ายื่นร้องทุกข์ กรณีมีการบุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ประมาณกว่า 20 ไร่ ติดกับชายหาดริมแม่น้ำยวม เขตหมู่บ้านคะปวง หลังจากมีชาวบ้านบางรายขายที่ดินและมอบกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้กับเอกชนผู้ครอบครองรายใหม่ แต่กลับถูกเอกชนผู้ครอบครอง บุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ของหมู่บ้านเพิ่มเพื่อปรับทำถนนเข้าไปยังที่ดินของตน จึงได้มาร้องทุกข์ กล่าวโทษ ไว้ที่ สภ.ท่าตาฝั่ง อ. แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อให้ จนท.สืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำความผิด กรณีมีการบุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ เหตุเกิดบริเวณพื้นที่ติดลำน้ำยวม เขตหมู่บ้านคะปวง หมู่ที่ 8 ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน นายกิตติ์นิพัทธ์ ยังกล่าวต่อว่า ตนเองพร้อมกับชาวที่มีพื้นที่ทำกิน และได้อาศัยอยู่ในละแวกบริเวณนี้ มาตั้งแต่เกิด ได้เข้าไปเลี้ยงโคกระบือปล่อยให้หาหญ้าเป็นอาหารบริเวณพื้นที่เกิดเหตุมาต่อเนื่อง และพบเห็นว่ามีการนำรถแบคโฮ เข้ามาทำการขุดปรับไถพื้นที่บริเวณทางด้านทิศตะวันตก ของลำน้ำยวม โดยได้มีการปรับไถพื้นที่มองด้วยตาเปล่าและประมาณการได้ว่าคงไม่น้อยกว่า 20 ไร่ การดำเนินการมาได้ประมาณ 3 เดือน ได้พบเห็นพ่อเลี้ยงในพื้นที่คนหนึ่ง ซึ่งตนเอง ไม่ทราบชื่อสกุลจริง เข้ามาควบคุมคนงานขุดปรับไถพื้นที่อยู่ตลอด ซึ่งตนเองได้สอบถามคนงานในที่เกิดเหตุแล้ว ทราบว่าเป็นการดำเนินการเพื่อปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ และเจ้าของจะทำถนนสร้างพื้นที่เพื่อไว้ในการพักขนส่งโค กระบือ สำหรับการขุดปรับไถพื้นที่ดังกล่าวดำเนินการโดยไม่มีแนวเขตที่ชัดเจน และเห็นว่ามีการใช้รถแบคโฮ ขุดเอาดินทรายในลำน้ำยวมแล้วขนใส่รถดั๊มบรรทุกออกไปทำคันดินเพื่อปรับเป็นถนนเข้าพื้นที่เกิดเหตุเชื่อมต่อถนนภายในหมู่บ้าน ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะเป็นการทำให้น้ำเปลี่ยนทิศทาง อย่างไรก็ตาม นายกิตติ์นิพัทธ์ กล่าวว่า ตนเองเป็นคนในพื้นซึ่งประสงค์จะรักษา พื้นที่สาธารณประโยชน์เอาไว้ เพื่อประชาชนทุกคนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน และไม่ต้องการให้พื้นที่สาธรณประโยชน์ ตกเป็นของคนใดคนหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาเคยแจ้งผู้ใหญ่บ้านได้รับทราบแล้ว แต่ยังมีการกระทำบุกรุกอย่างต่อเนื่องอีก ด้วยเหตุนี้จึงมาร้องทุกข์กล่าวโทษกับทางตำรวจ สภ.ท่าตาฝั่งสืบสวนสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด และหากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่ามีการกระทำความผิดจริงและหรือทราบว่ามีบุคคลใดกระทำความผิดฐานใด ขอให้ดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวจนกว่าคดีจะถึงที่สุดต่อไป