มาสด้า CX-30 เผยโฉมสู่สาธารณชนในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ การปรากฏกายขึ้นครั้งแรกสร้างความฮือฮาตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก เกิดกระแสตอบรับเป็นอย่างดีและสร้างชื่อเสียงกระหึ่มไปทั่วโลกในเวลาอันรวดเร็ว เพราะนี่คือ ครอสโอเวอร์เอสยูวีที่เป็นต้นแบบแห่งความสง่างาม ภายใต้การออกแบบ KODO Design เจเนอเรชั่นใหม่ ถูกถ่ายทอด DNA จากยานยนต์ต้นแบบ VISION COUPE อันเกิดจากศิลปะของแสงและเงา The artistry of light เกิดเป็นนิยามใหม่ของความมีชีวิตชีวา Breathing life into the car โดยนำปรากฏการณ์ความสวยงามตามธรรมชาติผ่านการรังสรรค์ด้วยความประณีตก่อเกิดเป็นความวิจิตรงดงามเฉกเช่นผลงานศิลปะชิ้นเอก เพื่อส่งมอบความมีชีวิตชีวาให้กับรถยนต์เสมือนมีชีวิต
ด้วยคุณสมบัติที่เพียบพร้อมในทุกๆ ด้าน ทำให้รถรุ่นนี้คว้ารางวัลอันทรงเกียรติมากมายจากทั่วโลก อาทิ รางวัล Golden steering wheel award 2019 ประเภท Compact SUV จากประเทศเยอรมนี รางวัล Red Dot award 2020 ประเภท Product design จากประเทศเยอรมนี รางวัล Design trophy 2020 ประเภท SUV และประเภท Champion of all classes จากประเทศเยอรมนี รวมถึงเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นเพียงหนึ่งเดียวที่เข้ารอบ 3 คันสุดท้ายเพื่อชิงรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก Top 3 world car of the year 2020 และ world car design of the year ในปีเดียวกัน ซึ่งรางวัลการันตีนี้แสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบในทุกด้านของ CX-30 ที่เปี่ยมด้วยความสง่างามพรีเมี่ยมและเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าทั่วโลก
แน่นอนว่าในประเทศไทยคงยากที่จะปฏิเสธว่ารถครอสโอเวอร์รุ่นนี้ร้อนแรงไม่แพ้ใครในโลกใบนี้เช่นกัน ตั้งแต่เปิดตัวช่วงต้นปี 2563 เพียงไม่กี่สัปดาห์ก็สร้างกระแสฟีเวอร์ทำยอดจองถล่มทลายถึง 2,000 คัน จนปัจจุบัน CX-30 มียอดขายสะสมกว่า 10,000 คัน รวมถึงสร้างชื่อเสียงให้กับมาสด้าด้วยการคว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2563 หรือ Thailand car of the year 2020 มาครองได้อย่างภาคภูมิใจ ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นรอบด้านจึงทำให้แฟนๆ มาสด้าติดอกติดใจ หรือแม้กระทั่งคนที่ไม่เคยมีมาสด้าในสายตาต้องเหลียวหลังกลับมามอง วันนี้เราจะมาเจาะลึกรายละเอียดกันว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ CX-30 กลายเป็นต้นแบบแห่งความสง่างาม อะไรคือแก่นแท้ที่ทำให้ CX-30 ได้รับความนิยมจากชาวไทยมาจนถึงวันนี้
1.พรีเมี่ยมครอสโอเวอร์ต้นแบบแห่งความสง่างาม สปอร์ต โฉบเฉี่ยวทุกมุมมอง ความหรูหราสง่างามที่แตกต่างจากครอสโอเวอร์ทั่วๆ ไป คือสิ่งที่ดึงดูดให้ผู้พบเห็นต่างหันกลับมาเหลียวมอง CX-30 ซึ่งความสง่างามนี้เกิดจากการยกระดับการออกแบบให้เกิดการเคลื่อนไหวที่งดงามและโดดเด่นตามแนวคิด KODO: Soul of motion เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ได้รับแรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่นที่มีความสง่างามเฉกเช่นเดียวกับรถต้นแบบ VISION COUPE ที่เผยโฉมในปี 2560 รถรุ่นนี้จึงโดดเด่นและแตกต่าง โดยการลดทอนบางสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป Less is More เกิดเป็นความเรียบง่ายแต่หรูหรา สะดุดตาจากการสะท้อนของเส้นสายและแสงเงาที่ตกกระทบบนตัวรถเป็นรูปตัวเอส และกลายเป็นความงามที่ผสมผสานกับความพลิ้วไหวสไตล์รถคูเป้และความแข็งแกร่งของเอสยูวี ที่โฉบเฉี่ยว มั่นคง และทรงพลัง ต้องตาต้องใจผู้พบเห็น จนได้ขึ้นชื่อว่าเป็นรถต้นแบบแห่งความสง่างาม
2. ภายในหรูหรา พรีเมียม กว้างขวาง เติมเต็มทุกรูปแบบของการใช้ชีวิต ภายในของ CX-30 แสดงออกถึงความโดดเด่นและมีคุณภาพอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้เฉพาะวัสดุคุณภาพสูง การออกแบบอย่างพิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด การตัดเย็บอย่างประณีตราวกับงานทำมือ เลือกใช้การตกแต่งภายในด้วยเบาะหนังสีน้ำตาลเข้มที่ช่วยสร้างความรู้สึกภูมิฐานและพรีเมียมได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น พื้นที่ภายในห้องโดยสารยังได้ถูกพัฒนาให้มีความกว้างขวางเพียงพอสำหรับผู้โดยสารในทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นระยะห่างระหว่างเบาะนั่ง พื้นที่บริเวณคอนโซลกลาง ที่พักแขนบริเวณประตูและความกว้างของห้องโดยสารด้านหลัง ทำให้ผู้โดยสารสามารถแบ่งปันช่วงเวลาดีๆ กับครอบครัวหรือเพื่อนได้ตลอดการเดินทาง ไม่เพียงเท่านั้น รถรุ่นนี้ยังออกแบบโดยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายเพื่อตอบสนองทุกรูปแบบของการใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว
3.อัดแน่นด้วยขุมพลังเครื่องยนต์สกายแอคทีฟอัตราเร่งดีและประหยัดน้ำมัน CX-30 ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมและคล่องตัวทุกการใช้งาน ด้วยเครื่องยนต์สกายแอ็กทีฟเบนซินขนาด 2.0 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะความแรง ด้วยพละกำลังสูงสุดถึง 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ฉีดเชื้อเพลิงสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง ทำให้ประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 15.4 กิโลเมตรต่อลิตร รองรับน้ำมันได้สูงสุดถึง E85 และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานในระดับสากล จึงทำให้รถรุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
4.ความปลอดภัยระดับโลกด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense มากถึง 12 ระบบ รถรุ่นนี้พรั่งพร้อมครบครันด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยที่สามารถคาดการณ์ และส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ขับขี่เพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุได้รอบทิศทาง เช่น ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า, ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง, ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ, ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance และอีกหลากหลายเทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือระดับ รวมถึงถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ รวม 7 ตำแหน่ง ที่ช่วยปกป้องและป้องกันผู้โดยสารไปในทุกเส้นทาง
5.ห้องโดยสารเงียบขึ้นช่วยให้เพลิดเพลินตลอดการเดินทาง CX-30 ถูกยกระดับความเงียบภายในห้องโดยสาร โดยเลือกใช้วัสดุคุณภาพดีที่ช่วยเก็บเสียงและดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังได้ปรับปรุงประสิทธิภาพของฉนวนโดยใช้โครงสร้าง “ผนังสองชั้น” ที่เว้นช่องว่างระหว่างพรมปูพื้นกับแผงตัวถังด้านล่าง ระหว่างแผงประตูกับแผงตกแต่งด้านใน และลดจำนวนรูให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของฉนวนกันเสียง รวมถึงยังใช้การซีลภายในตรงขอบประตูหลังเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนที่เกิดจากลมที่พัดผ่านช่องว่าง และลดเสียงจากพื้นถนนด้วยเช่นกัน จึงทำให้ CX-30 กลายเป็นรถที่มีความเงียบ ช่วยให้ผู้โดยสารเพลิดเพลินกับบทสนทนาหรือการพักผ่อนไปตลอดการเดินทาง
6.ขับง่าย นั่งสบาย เกาะหนึบทุกการเข้าโค้งด้วยระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง รถรุ่นนี้มาพร้อมแพลตฟอร์ม SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE เจนเนอเรชั่นใหม่ ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยยึดหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ตำแหน่งการขับขี่เป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับสรีระมากที่สุด โดยออกแบบให้เบาะนั่ง ตัวถัง และแชสซี ทำงานเป็นหนึ่งเดียวกันเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย มาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus ที่ช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ตามการหักเลี้ยวพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสม เพื่อให้รถขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวล มีเสถียรภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนของล้อทั้ง 4 ให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้ง่ายและเป็นธรรมชาติ ช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการขับขี่ และลดอาการโคลงตัวของรถช่วยให้ผู้โดยสารนั่งสบายยิ่งขึ้น
7.จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมลำโพง Bose® รอบทิศทาง ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัวด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดที่ถูกติดตั้งมาพร้อมกับตัวรถ สามารถเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ผ่านระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay® และ Android Auto™ ช่วยให้สามารถใช้งานฟังก์ชันสำคัญๆ โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ง่ายต่อการใช้งาน รวมถึงช่องเชื่อมต่อ USB 2 ช่อง และยังเสริมสร้างสุนทรียภาพภายในห้องโดยสารด้วยระบบเสียงคุณภาพสูงจาก Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง
8.อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้ชีวิต สิ่งอำนวยความสะดวกสบายของ CX-30 จัดว่าครบครันไม่แพ้รถรุ่นไหน ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ได้ 2 ตำแหน่ง แผงหน้าปัดและมาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล TFT LCD หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน พร้อมหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เพิ่มความอเนกประสงค์ด้วยเบาะหลังแบบพับได้ 60:40 แยกอิสระจากกัน และประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ช่วยให้การใช้งานเป็นไปอย่างสะดวกสบายและคล่องตัว
9.การสื่อสารการตลาดเข้าถึงกลุ่มลูกค้าอย่างชัดเจน มาสด้าวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ไว้อย่างชัดเจน CX-30 มากับคอนเซปต์ LIFE’S ALWAYS ON “เติมชีวิตให้เต็มความหมาย” เป็นรถยนต์ที่เข้ามาเพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตของลูกค้า เพื่อออกไปแสวงหาและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เป็นช่วงการเปลี่ยนผ่านของชีวิตจากบทบาทหนึ่งไปสู่อีกบทบาทหนึ่ง อาทิ จากคนโสดสู่การมีคู่ชีวิต ต่อเนื่องไปสู่การเป็นครอบครัวขนาดเล็ก ที่ใช้เวลาร่วมกันบนรถยนต์ในการออกไปค้นหาเรื่องราวใหม่ๆ ในชีวิตประจำวันและได้ร่วมแบ่งปันกับคนที่เขารัก CX-30 เป็นรุ่นที่สองของรถยนต์เจนเนอเรชั่นใหม่ที่ให้คุณภาพดีเยี่ยมในทุกพื้นที่และทุกการเดินทาง
ด้วยคุณสมบัติที่เพียบพร้อมในทุกมิติ จึงทำให้ CX-30 เป็นครอสโอเวอร์ต้นแบบแห่งความสง่างามในระดับโลกที่มีความหรูหราสง่างาม บ่งบอกสไตล์พรีเมียม พร้อมที่จะเข้ามาเติมเต็มการใช้ชีวิตให้มีความหมายมากยิ่งขึ้น พร้อมอยู่เคียงข้างลูกค้าไปในทุกจังหวะของชีวิต และนี่คือครอสโอเวอร์ที่ตอบโจทย์ความสมบูรณ์แบบมากที่สุดในปัจจุบัน ที่สำคัญมาสด้าต้องการให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความเพลิดเพลินที่หลากหลาย ด้วยการเป็นเจ้าของรถยนต์ที่สามารถเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าออกแสวงหาและค้นพบสิ่งใหม่ๆ เป็นส่วนหนึ่งในการออกไปใช้ชีวิต เป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจไปตลอดการเดินทาง ด้วยราคาเริ่มต้นไม่ถึง 1 ล้านบาท