ลีลาชีวิต / ทวี สุรฤทธิกุล
หลายคนต้องฝืนยิ้มสู้กับชีวิตด้วยความสิ้นหวัง แต่บางคนก็ยิ้มสู้อย่างมีหวังด้วยกำลังใจบางอย่าง
แม่ของนวลอนงค์สอนว่า เกิดเป็นผู้หญิงนี้อยู่ในฐานะเสียเปรียบผู้ชายมาก ๆ จะลุกนั่งยืนเดินก็ต้องระมัดระวัง ต้องทำตัวให้สงบเงียบเรียบร้อย จะพูดจะคุยต้องระมัดระวัง เพราะที่บ้านนั้นอยู่ในสังคมผู้ดี แต่พอแม่ทำเสื่อมเสีย ก็ถูกทุกคนในบ้านประณามหยามเหยียด ผิดกับพี่ของแม่ที่เป็นผู้ชายกลับทำอะไรได้ตามใจ แม้จะกินเหล้าเมามายผิดลูกผิดเมียเขา ก็มีการแก้ตัวให้ว่าเป็นสัญชาตญาณของผู้ชาย นวลอนงค์จึงกลัวผู้ชาย เพราะแม่บอกว่าผู้ชายทำอะไรก็ไม่ผิด แต่กระนั้นพอต้องมาต่อสู้ชีวิตตามลำพัง ภายหลังที่พ่อและแม่เสียชีวิตแล้ว ก็รู้ว่าชีวิตนี้ยากลำบากยิ่งนัก โดยเฉพาะภัยจากผู้ชาย ตั้งแต่ “ไอ้เถ้าแก่โรงเลื่อย” ที่นวลอนงค์ต้องเสียสาวให้ ทั้ง ๆ ที่ระวังตัวอย่างเต็มที่ และคนต่อมาก็คือ “เทพบุตรซาตาน” ที่เป็นผู้ชายที่เลวที่สุดคนหนึ่งในชีวิต
เมื่อนวลอนงค์มาช่วยญาติของเพื่อนทำงานที่ร้านลาบส้มตำ นวลอนงค์ก็ตั้งใจทำอย่างเต็มที่ เพราะไม่มีที่พึ่งอื่น ต้องอาศัยทั้งที่พักและข้าวปลากินอยู่กับเขา และพอให้ได้มีรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ จากค่าจ้างวันละ 50 บาท เก็บออมไว้ซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ งาม ๆ ตามประสาสาว ๆ กับเขาบ้าง รวมถึงที่หวังว่าจะเรียนให้จบชั้นมัธยม นวลอนงค์จึงไปเรียนในระบบการศึกษาผู้ใหญ่ของกรมการศึกษานอกโรงเรียน ซึ่งเรียน 1 ปีก็จะจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และอีก 1 ปีก็จะจบมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งนวลอนงค์ก็เรียนได้ดีพอสมควร จนมีความหวังว่าอาจจะไปทำงานในโรงงานให้มีรายได้ประจำที่สูงกว่านี้ และขยับขยายเก็บออมค้าขาย มีบ้านและมีที่มีทางที่จะทำมาหากินให้สุขสบายต่อไป
คนทุกคนมีความฝัน และแน่นอนว่าความฝันของนวลอนงค์ก็มีส่วนคล้ายกันกับของหญิงสาวคนอื่น ๆ ที่อยากพบผู้ชายที่ดีและมีครอบครัวที่ดี แต่สำหรับนวลอนงค์ดูเหมือนจะเป็นข้อจำกัดสำหรับความฝันนั้น เพราะได้เกิด “ตำหนิ” ขึ้นกับความสาวของตัวเอง จึงล้มเลิกความฝันที่จะมีชีวิตคู่ และมุ่งหวังว่าจะต่อสู้กับชีวิตโดยลำพังมาแต่แรก จนกระทั่งได้มาเจอกับ “วิวัฒน์” ผู้ชายที่ดูดีทั้งรูปร่างหน้าตาและนิสัยใจคอ เสียแต่ว่านิสัยใจคอที่ทุกคนเห็นนั้นเป็น “ของปลอม” โดยที่ใคร ๆ ก็ดูไม่ออก แม้แต่นวลอนงค์ที่ตกหลุมเข้าไปใน “นรก” นั้นแล้ว เมื่อนำมาเล่าให้ใคร ๆ ฟัง ก็ไม่มีใครเชื่อ แม้กระทั่งเพื่อนที่สนิทสนมกับนวลอนงค์มากที่สุด
วิวัฒน์มีอายุราว 20 ต้น ๆ เพิ่งจบอาชีวะและได้ทำงานที่โรงงานผลิตอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคแห่งหนึ่ง เขาเป็นลูกค้าประจำของร้านลาบส้มตำของญาติเพื่อน โดยจะมาเป็นกลุ่ม 5 คนบ้าง 6 คนบ้าง ไม่มากไปกว่านั้น แต่วิวัฒน์มีความโดดเด่นกว่าคนอื่น ๆ เพราะเขาไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่ แต่งตัวสะอาดสะอ้าน ไม่อวดโก้หรูหรา และดูสุภาพเรียบร้อยที่สุดในกลุ่ม และยิ่งเมื่อใครได้พูดคุยด้วย ก็ดูเหมือนว่าจะชอบนิสัยใจคอ เหมือนว่าเขามีมนต์เสน่ห์อะไรบางอย่างเป็นพิเศษในตัว
ตามคำบรรยายของอาหมวยที่ชอบคุยกับนวลอนงค์อยู่บ่อย ๆ บอกว่าฉากแรกในการพบกันของนวลอนงค์กับวิวัฒน์ มันช่างเหมือนกับเป็นฉากในภาพยนตร์แนวโรแมนติคที่ “หวานที่สุด” ยังไงยังงั้น วันนั้นก็เหมือนกับทุกวันที่หนุ่ม ๆ กลุ่มนี้มาดื่มกินที่ร้าน นวลอนงค์ยกถังน้ำแข็งและโซดาจะไปให้ที่โต๊ะของวิวัฒน์ แต่พื้นไม้ของร้านที่ชำรุดได้ทำให้นวลอนงค์สะดุดเซทำท่าจะล้ม แต่วิวัฒน์ที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ได้คว้าตัวนวลอนงค์ไว้ น้ำแข็งหล่นกระจายไปทั่ว และบางส่วนกระเด็นลงที่เสื้อผ้าของวิวัฒน์ นวลอนงค์ขอโทษเบา ๆ และวิวัฒน์ก็ยิ้มให้บอกว่า “ไม่เป็นไร” จากวันนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เพราะทุกครั้งที่หนุ่ม ๆ กลุ่มนี้มา วิวัฒน์มักจะหาของฝากมาให้นวลอนงค์อยู่เสมอ แม้จะเป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นขนมและผลไม้ แต่ก็ทำให้นวลอนงค์แอบปลื้ม จนยอมที่จะรับนัดออกไปพบวิวัฒน์ในบางคืน หลังจากรู้จักกันได้สักสามสี่เดือน และนั่นก็ตามมาด้วยการได้เสียกัน และนวลอนงค์ก็ยอมรับว่ามีชีวิตที่หวานชื่นอยู่ระยะหนึ่ง
วันหนึ่งนวลอนงค์ไปบอกกับเพื่อนว่าจะขอไปอยู่กับวิวัฒน์ เพื่อนแทบช็อคร้องโวยวายว่าคิดดีแล้วหรือ นวลอนงค์ก็เอาใบสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่งให้ดู แล้วบอกว่าวิวัฒน์เป็นคนส่งเสริมและสนับสนุนให้ไปเรียน ซึ่งเพื่อนก็ได้แต่อวยชัยให้พรด้วยใบหน้าที่บอกไม่ถูก พอนวลอนงค์ไปอยู่กับวิวัฒน์ที่ห้องเช่าของวิวัฒน์ได้สักสองเดือน วิวัฒน์ก็ดูเปลี่ยนไป ที่เคยกลับบ้านตรงเวลาก็กลับบ้างไม่กลับบ้าง ทุกครั้งที่เข้าบ้านไม่ว่าจะตอนดึกหรือตอนเช้า ก็จะมีกลิ่นเหล้าหึ่งและควันบุหรี่เหม็นติดตัว แรก ๆ พอนวลอนงค์ซัก เขาก็ตอบว่าไปคุยธุระกับเพื่อนบ้าง หรือคุยธุรกิจกับคนบางคนบ้าง แต่ก็มาเปิดเผยภายหลังว่าวิวัฒน์ไปเล่นการพนัน จนเป็นหนี้รวมถึงติดเหล้าและบุหรี่ รวมถึงที่มีผู้หญิงอื่นอีกด้วย ทำให้ต้องทะเลาะกันทุกครั้ง ถึงขั้นที่ลงไม้ลงมือตบตีชกต่อยนวลอนงค์ แต่นวลอนงค์ก็ต้องทนและพยายามไม่ส่งเสียงร้องแม้จะเจ็บปวดสักปานใด เพราะอับอายเพื่อนบ้าน และก็ไม่กล้าที่จะบากหน้าไปโวยวายกับใคร ทั้งกับเพื่อนของวิวัฒน์และเพื่อนของตัวเอง เพราะได้ไปบอกกับทุกคนว่ามีความสุขดีที่ได้มาอยู่กับวิวัฒน์
จนที่สุดวิวัฒน์ก็พานวลอนงค์จมดิ่งลงไปในนรกโลกันตร์ลึกลงไปอีก เขาบังคับให้นวลอนงค์ “ขายตัว” เพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ และบอกว่าจะกอบกู้ชื่อเสียงคืนมา ตอนที่เขาโอ้โลมด้วยการอ้อนวอนต่าง ๆ พร้อมกับบอกว่าถ้าหมดหนี้สินแล้วเขาจะเป็นคนดี แม้นวลอนงค์จะไม่เชื่ออะไรวิวัฒน์อีกแล้ว แต่ก็จำต้องทำตามเพื่อเอาชีวิตให้รอดไปก่อน จนนวลอนงค์ท้อง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าท้องกับใคร นวลอนงค์ได้บากหน้าไปหาเพื่อน ขอฝากลูกให้เอาไปเลี้ยงไว้ก่อน โดยเอาไปให้คุณยายคนหนึ่งที่เพื่อนรู้จัก ซึ่งแม้แกจะมีฐานะยากจน แต่ก็ใจบุญช่วยรับเลี้ยง โดยนวลอนงค์หาเงินส่งเสียไปให้เป็นประจำ ต่อมานวลอนงค์เป็นโรคร้าย หยุดทำงานเพื่อรักษาตัวอยู่เป็นปี วิวัฒน์ก็ทิ้งนวลอนงค์ไป นวลอนงค์พอหายป่วยแล้วก็กลับไปทำงานแบบเดิมอีก แต่เปลี่ยนมาทำที่โรงน้ำชา เพราะ “เจ็บตัว” น้อยกว่า ถ้าไม่ยินยอมก็ไม่ถูกบังคับอะไร อีกทั้งนวลอนงค์ก็เข้าสภาพที่เริ่ม “โทรม” จึงไม่ได้ดึงดูดไปสู่เรื่องเหล่านั้นเท่าไร แต่ที่เป็นปัญหาก็คือยัง “ผวา” อยู่เสมอ ด้วยกลัววิวัฒน์จะกลับคืนมาสู่ชีวิต แต่ในช่วงสิบกว่าปีที่ทำงานโรงน้ำชานี้ ก็ไม่เคยได้ข่าวของวิวัฒน์อีกเลย
เวรกรรมบางครั้งอาจจะสิ้นสุดในเรื่องหนึ่ง แต่ก็จะมีเวรกรรมอื่น ๆ เกิดขึ้นตามมาอีกได้