ตามที่ได้มีการส่งต่อลิงก์ในสื่อออนไลน์ต่างๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง เว็บ THVaccine.com เปิดลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนไฟเซอร์ โควตาพิเศษ จำกัด 20,000 โดส ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีการส่งลิงก์ลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ที่เว็บ THVaccine.com ซึ่งระบุว่าเป็นโควตาพิเศษในประเทศไทย จำกัด 20,000 โดส และให้ชำระเงินด้วยเงินสกุลเงินดิจิตอล เริ่มฉีด 25 ส.ค. 64 สำหรับประชาชนทั่วไป อายุ 12-80 ปีนั้น ทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ตรวจสอบและชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า เป็นการแอบอ้าง หลอกลวงเรื่องการฉีดวัคซีนไฟเซอร์และเรียกเก็บเงิน โดยทางโฆษกกระทรวงสาธารณสุขได้ย้ำว่าวัคซีนไฟเซอร์ทั้ง 21.54 ล้านโดส เป็นการฉีดฟรี ไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย โดยในการบริหารจัดการวัคซีนไฟเซอร์ กระทรวงสาธารณสุข โดยคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้ตั้งคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนโควิด-19 กรณีวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) ซึ่งมีผู้แทนและผู้ทรงคุณวุฒิจากทุกภาคส่วน ร่วมกันพิจารณาจัดสรร และกระจายวัคซีนไฟเซอร์ ให้กับกลุ่มเป้าหมายตามมติที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.) โดยวัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรก จำนวน 1.54 ล้านโดสจะเข้ามาภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เริ่มฉีดต้นเดือนสิงหาคม 2564 ในกลุ่มบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข/บุคลากรด่านหน้า ไม่น้อยกว่า 5 แสนโดส ที่เหลือจัดสรรไปยังกลุ่มเสี่ยง พื้นที่เสี่ยงอื่น ๆ และเพื่อควบคุมการระบาดในพื้นที่ ซึ่งสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/44106 ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากทางภาครัฐ เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.moicovid.com หรือเฟซบุ๊ก ‘ศูนย์ข้อมูล COVID-19’ บทสรุปของเรื่องนี้ : เป็นเว็บปลอมที่แอบอ้าง หลอกลวงเรื่องการฉีดวัคซีนไฟเซอร์และเรียกเก็บเงิน โดยวัคซีนไฟเซอร์ทั้ง 21.54 ล้านโดสที่จะเข้าประเทศไทย เป็นการฉีดฟรี ไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย หน่วยงานที่ตรวจสอบ : ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019