เมื่อวันที่ 26 ก.ค.นายประมวล เอมเปีย หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีการฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันไวรัสโควิดเข็ม3 ในจ.บุรีรัมย์ ที่ระบุว่า สสจ. จังหวัดจัดวัคซีนมาให้นั้นว่า การบริหารวัคซีนตามหลักระบาดวิทยา ต้องฉีดเข็ม1 ให้ประชาชนจะต้องได้ก่อนทุกคนอย่างเสมอภาค และฉีดเข็ม2 ให้กับบุคลากรการแพทย์ พยาบาล อสม.ทุกคนและบุคคลด่านหน้าอื่นๆ แล้วจึงฉีดเข็ม2 ให้กับประชาชนทั่วไปเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้ยอดการตายลดลง แม้จะมีการติดเชื้อก็ไม่ป่วยรุนแรง ส่วนเข็ม3 จำเป็นต้องฉีกเพื่อจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยเฉพาะในกลุ่มบุคลากรการแพทย์ และจนท.ด่านหน้าที่สุ่มเสี่ยง ต้องสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ แต่ความจริงที่เกิดขึ้น กลับมีนักการเมืองบางคน บางกลุ่มอาศัยใช้อำนาจหน้าที่ เอาเปรียบประชาชนเบียดบังเอาวัคซีนไปฉีดให้กับพวกพ้อง หรือบรรดาวีไอพีในพื้นที่ เป็นเข็มที่3แล้ว ทั้งที่ประชาชนส่วนใหญ่หลายสิบล้านคนในประเทศยังไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว เพราะลงจองในแอพพลิเคชั่นของรัฐก็ถูกเท ไม่มีแจ้งความคืบหน้า ให้รออย่างไม่รู้ชะตากรรม
“จิตใจของนักการเมือง ผู้มีอำนาจเหล่านี้ ทำด้วยอะไร แทนที่จะนึกถึงประชาชนโดยรวมทั้งประเทศ ไม่ใช่นึกถึงแค่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง หรือแค่คนที่เป็นพวกพ้อง ประชาชนส่วนใหญ่ยังไร้หลักประกันชีวิตในยุคโควิด-19 ระบาด หลายคนจะตายวัน ตายพรุ่ง ซึ่งล่าสุด เกิดเหตุสลดใจ มีคนกระโดดตึกที่ร้านค้าหน้าวัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม เพราะติดโควิด เครียดจนไร้ทางออก จึงขอฝากถึงนักการเมืองทุกระดับให้ช่วยกันเสียสละ ทำหน้าที่เพื่อส่วนร่วม รักษาคำพูดที่สวยหรูตอนหาเสียงว่า จะทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงให้พี่น้องประชาชน ยามทุกข์เราทุกข์ร่วมกัน ตอนนี้ประชาชนทุกข์หนัก แล้วพวกท่านหายหัวไปไหน และยังคิดเอาตัวรอดให้วัคซีนเฉพาะในจังหวัดตัวเองเช่นนี้หรือ อย่าทำตัวเป็นอภิสิทธิ์ชนไร้ขอบเขต ที่กอบโกยไม่เลิกแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา ที่สำคัญ อย่าตอบแทนบุญคุณส่วนตัวโดยใช้ผลประโยชน์ของประเทศชาติมาแลกเปลี่ยนเพื่อรักษาฐานเสียง คะแนนนิยมอย่างที่ทำกันแบบนี้ คนทั้งประเทศจะจดจำว่า ใครเห็นแก่ตัว ใครเป็นตัวอย่างสร้างความเหลื่อมล้ำที่น่ารังเกียจ และผู้รับผิดชอบต้องมีคำตอบ ที่เขาลือกันว่า วัคซีนที่รับบริจาคมา ยอดมันหายไปโผล่ ไปฉีดให้ใคร ที่ไหน อย่างไร ต้องมีคำตอบให้สังคมไทย” นายประมวล กล่าว