วันที่ 26 ก.ค.64 นายสายชล อินวังตูม เจ้าของบริษัทพิมพ์นิยม จำกัด เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.ธีรเดช ซ่อนกลิ่น สว.สอบสวน สน.คันนายาว กรณีถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกปล่อยเงินกู้ทางโซเชียล 300,000 บาท แต่ต้องโอนเงินมัดจำไปก่อนจำนวน 25,300 บาทถึงจะได้เงิน 300,000 บาท สุดท้ายมิจฉาชีพเชิดเงินไปพร้อมท้าให้ไปแจ้งความ
นายสายชล ได้เล่าว่า เนื่องจากพิษเศรษฐกิจในช่วงโควิด19 ทำให้การเงินหมุนไม่ทัน จึงได้ติดต่อไปยังแอพเงินกู้รายหนึ่งทางไลน์ ซึ่งชื่อในไลน์คือ วรัญฐพัชร์ โดยในหน้าโปรไฟลไลน์นั้นเป็นรูปผู้หญิงหน้าตาดี เป็นแอดมินที่อ้างว่าเป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง เมื่อติดต่อไปทางไลน์ก็มีผู้หญิงโทรเข้าหาตนเพื่อสอบถามประวัติคร่าวๆ จึงได้แจ้งความประสงค์ขอกู้เงินจำนวน 300,000 บาท จากนั้นผู้ใช้ไลน์ดังกล่าวได้ส่งรายละเอียดทางไลน์ว่า ธนาคารตรวจสอบเรื่องยื่นเงินกู้ใช้เวลา 5-10 นาที
จากนั้นผู้หญิงคนดังกล่าวไลน์กลับมาว่า ขอแจ้งให้ทราบว่าท่านผ่านการอนุมัติ ธนาคารได้ประเมินข้อมูลลูกค้าให้มาจึงกังวลว่าอาจจะเกิดปัญหาทางการเงินในอนาคตจึงต้องให้ชำระเงินประกัน จำนวน 25,300 บาท ถึงจะได้รับเงินที่ยื่นขอกู้ในจำนวน 300,000 บาท โดยให้โอนเงินผ่านบัญชีชื่อ บริษัทฯ ธนาคารไทยพานิชย์ เลขที่บัญชี 503421#### โดยมีชื่อนายจาตุรงค์ อยู่ในเอกสารที่ส่งมาทางไลน์นอกจากนี้ยังได้ส่ง เอกสารทางไลน์และมีลงต่อท้ายมหาชน ได้รับการเป็นนายหน้าประกันบุคคล สามารถจัดการให้มีการประกันภัยโดยตรง ตนเองจึงหลงเชื่อและโอนเงินจำนวนดังกล่าวให้ไปเป็นเงินประกัน
จากนั้นแอดมินคนเดิมได้ไลน์ลับมาว่า ธนาคารได้ตอบกลับมาไม่สามารถโอนเงินที่กู้เข้าให้ตนเองได้ เนื่องจากหมายเลขบัตรธนาคารที่ตนเองให้ไม่ถูกต้อง แอดมิดคนดังกล่าวจึงให้ตนเองยกเลิกสัญญาบัญชีเดิมและให้ตนเองเปลี่ยนบัญชีใหม่มาเพื่อโอนเงินเข้าโดยมีค่าใช้จ่าย 90,000 บาท ตนเองจึงคิดว่ามันแปลกๆ ที่แค่เปลี่ยนบัญชีเงินฝากใหม่ทำไมต้องเสียเงินถึง 90,000 บาท เพราะการที่ตนเองไปกู้เงินคือตนเองไม่มีเงินกลับมาเรียกเงินตนเองร่วมแสนบาท ตนเองจึงขอยกเลิกการทำธุรกรรมทั้งหมดและขอเงินประกัน 25,300 บาทคืน แต่ทางแอดมินได้ตอบกลับมาว่า หากต้องการยกเลิกสัญญา ตนเองต้องโอนเงิน 10,000 บาทเป็นค่ายกเลิกสัญญา ทางบริษัทจึงจะโอนเงินคืนกลับไปให้ พร้อมท้าให้ตนเองไปแจ้งความได้เลยถ้าคิดว่าโดนโกง
ตนเองเห็นท่าไม่ดี จึงเดินทางมาแจ้งความไว้ เพราะไม่รู้ว่าบุคคลที่คุยอยู่ด้วยมีตัวตนจริงหรือไม่ และไม่รู้ว่าไปทำแบบนี้กับใครกี่คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเป็นคดีอาญาไว้ และรอติดต่อทางธนาคารเจ้าของบัญชี เพื่อออกหมายเรียกตัวทั้งหมดเพื่อมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป