นาทีระทึก พายุถล่มปากน้ำโจ้โล้ ชาวบ้านเผยหมุนรุนแรงเสียงดังลั่นคล้ายเสียงเฮลิคอปเตอร์ลงจอด ขณะคนบางคล้าหลายยุคนับแต่วัยกลางคนจนถึงรุ่นคุณทวดยันตรงกัน ไม่เคยพบเห็นพายุลักษณะนี้เกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต ด้านนายกเทศมนตรีเทศบาลปากน้ำเผยคลิบที่ชาวบ้านถ่ายไว้ พบพายุมีลักษณะเป็นเกลียวงวงสีดำหมุนผ่านพื้นที่ไปอย่างรวดเร็ว แต่เหลือทิ้งซากความเสียหายยับเยินของสิ่งปลูกและต้นไม้เอาไว้ให้
วันที่ 26 ก.ค.64 เวลา 00.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับคลิบภาพในขณะเกิดเหตุการณ์พายุงวงช้างหมุนเข้ามายังในพื้นที่ ต.ปากน้ำ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ที่มีชาวบ้านถ่ายเอาไว้ได้จากนายอำนาจ ประเสริฐ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปากน้ำ พบว่าพายุงวงช้างดังกล่าวมีเกลียวขนาดใหญ่สีดำ หมุนผ่านพื้นที่ไปอย่างรวดเร็วเพียงระยะเวลาประมาณ 1 นาทีพร้อมกับมีสายฟ้าแลบสว่างวาบอยู่ในวงเกลียวพายุ ทั้งสีขาว สีฟ้า และแดงส้ม อยู่เป็นระยะจนดูน่ากลัว
นางสมพร ชูฤทธิ์ อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/3 ม.6 ต.ปากน้ำ เล่าถึงนาทีระทึกในขณะที่พายุหมุนพัดผ่านเข้ามาในพื้นที่หมู่บ้านหินตั้ง และเฉียดบ้านพักอาศัยของตนเองไปเพียงประมาณ 40-50 เมตรว่า พายุงวงช้างที่หมุนเข้ามามีลักษณะของกระแสลมที่หมุนม้วนวนเป็นวงกลมคล้ายกับเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ที่พัดเอาฝุ่นขึ้นไปจากพื้นดินสู่อากาศในเวลาจะลงจอด และยังมีเสียงดังแรงมากจนน่ากลัว ก่อนที่จะหมุนผ่านเลยไปเพียงช่วงระยะเวลาไม่ถึง 1 นาที
แต่แรงเหวี่ยงของลมพายุที่เฉียดผ่านบ้านไปยังได้หอบเอาข้าวของและราวตากผ้าปลิวรอยไปด้วย แต่ที่ตัวบ้านเรือนพักอาศัยของตนเองนั้นไม่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากยังมีต้นไม้ที่อยู่รายรอบตัวบ้านได้ช่วยบังลมเอาไว้ให้ โดยพายุลักษณะนี้ตนยังไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งที่เกิดมาจนอายุถึง 60 กว่าปีแล้ว นางสมพร กล่าว
ด้าน นายสมศักดิ์ ก้านแก้ว อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/3 ม.6 ต.ปากน้ำ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุพายุหมุนตนกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ภายในบ้านที่บริเวณชั้นล่างของบ้านไม้ยกสูงกึ่งคอนกรีตแบบ 2 ชั้น โดยลมพายุพัดเข้ามายังที่ตัวบ้านเพียงไม่ถึง 1 นาที แต่ได้สร้างความเสียหายให้แก่ตัวบ้านจนพังเกือบหมดทั้งหลัง โดยเฉพาะหลังคาที่ปลิวหายไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่ทราบว่าไปตกอยู่ตรงจุดใดของหมู่บ้าน หลังจากที่พายุหอบเอาหลังคาส่วนบนของตัวบ้านไปทั้งหมด
นอกจากนี้ ลมพายุยังได้พัดตู้เสื้อผ้าจนล้มลงมาทับที่ศีรษะของภรรยาตน คือ นางวิไล ก้านแก้ว อายุ 62 ปีอีกด้วย จนได้รับบาดเจ็บในขณะที่กำลังอยู่บนชั้น 2 ของตัวบ้าน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบเห็นหรือประสบเหตุการณ์พายุที่พัดรุนแรงในลักษณะนี้มาก่อน และตกใจมากในขณะที่กระแสลมกำลังพัดปะทะเข้ามาที่ตัวบ้านและหอบเอาหลังคาปลิวหายไป นายสมศักดิ์ กล่าว
ขณะที่ นางผ่อน ชูฤทธิ์ อายุ 90 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 ม.6 ต.ปากน้ำ กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 90 ปี 6 เดือนแล้ว ยังไม่เคยพบเห็นพายุที่พัดรุนแรงลักษณะนี้มาก่อนเลย หลังเกิดเหตุพายุพัดผ่านบ้านไป ได้ทำให้โรงรถปลิวไปตามกระแสลมจนพังเสียหายหมดทั้งหลัง นอกจากนี้ที่ด้านบนหลังคาบ้านยังถูกลมพายุหอบหายไปอีกกว่าครึ่งหลังด้วย แต่ไม่ได้ตกใจหรือกลัวอะไร เนื่องจากไม่ได้เห็นแนวของพายุตอนที่พัดเข้ามา
โดยในขณะเกิดเหตุนั้น ตนกำลังอยู่ตรงกลางของตัวเรือนที่บนชั้น 2 ของบ้านหลังนี้เพียงลำพัง แต่บุตรหลานที่อยู่ใต้ถุนบ้านนั้นเขาเห็นพายุกัน ในเวลานั้นจึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่เฉยๆ บนบ้านและไม่ได้ตกใจอะไร แม้สังกะสีมุงหลังคาบ้านจะถูกพัดหายไป และมีเสียงดังครึกโครมหลายครั้ง นางผ่อน กล่าว