นพ.วิชาญ ปาวัน ผอ.สถาบันป้องกันโรคเขตเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า...พาหมอ ไปหาคนไข้ วิกฤตโรคระบาดในเมืองหลวง ทำให้ภาพหนึ่งชัดเจนขึ้นมาทุกวัน นั่นคือ​ "คือความเหลื่อมล้ำในสังคมเมือง" ชนชั้นทางสังคมถูกแบ่งอย่างเห็นได้ชัดในสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้เห็นว่าชนชั้นสูงชนกับชั้นล่าง มีการเข้าถึงการรักษาเข้าถึงยาเข้าถึงโรงพยาบาลได้ต่างกัน เพราะสังคมแวดวงสุขภาพไทยมีสิ่งหนึ่งที่แฝงตัวอยู่ คือความเป็นสังคมอุปถัมภ์ หากใครรู้จักหมอรู้จักพยาบาลรู้จักผู้บริหารโรงพยาบาล การเข้าถึงยาเข้าถึงการตรวจรักษา ไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถ เพราะระบบการฝากมีอยู่จริง จนเกิดกลุ่มคนที่มาเรียกร้องความเท่าเทียมเสมอภาค​ ที่พอเจ็บป่วยแล้วต้องดิ้นรนขวนขวายหาเส้นหาสายเข้าโรงพยาบาลเอาเอง ไม่เพียงเท่านั้น​ แม้แต่เรื่องสุขภาพและความพร้อมทางด้านร่างกายของประชาชนที่ไม่เท่ากัน​ ก็ยังทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ​ คนหนุ่มสาว​ ที่ร่างกายสมบูรณ์​ ย่อมมีโอกาสได้ตรวจ​โควิด​ ง่ายกว่า​ ผู้สูงอายุ​ ผู้พิการ หรือผู้ป่วยติดเตียง​ ผมไม่โทษคนไข้หรือญาติคนไข้ครับ ที่ทำทุกวิถีทางเพื่อใช้เส้นสายเข้าโรงพยาบาล เพราะระบบการแพทย์และการสาธารณสุขที่มีอยู่ ไม่สามารถจะมั่นใจได้เลยว่าเราจะได้รับการดูแลที่ทั่วถึงในวิกฤตครั้งนี้ และผมก็เข้าใจดีว่าพ่อแม่ใคร​ ญาติใคร​ เพื่อนใคร​ ใครก็รัก​ ก็เป็นห่วง​ อยากให้ปลอดภัยหายป่วยจากโควิด​กันทุกคน โจทย์ของผมจึงเป็นการอุดช่องว่างระหว่างชนชั้น​ หรือรูโหว่ระหว่างคนมีคอนเน็คชั่นและคนไม่มี​ จนเกิด​ศูนย์ร้องทุกข์​ สำหรับผู้สูงอายุ​ ผู้พิการและผู้ป่วยติดเตียง​ โดยรถพระราชทาน ที่ผมและน้องๆเจ้าหน้าที่ใน​ สปคม.ร่วมกันทำขึ้น​ โดยเราจะนำรถพระราชทานออกตรวจโควิดให้กับผู้สูงอายุ​ ผู้พิการและผู้ป่วยติดเตียงตามบ้าน​ และดูแลเข้าระบบการรักษาพื้นฐาน​ พร้อมกับดูแลหาเตียงให้ จากการดำเนินงานมาได้พักใหญ่​ ทำให้เห็นถึงปัญหาระหว่างการนำส่งตัวอย่างผู้ติดเชื้อส่งมาตรวจยังห้องแลปของ สปคม.​ ซึ่งทำให้ยังไม่ทันต่อความเดือดร้อนของประชาชน​ ผมจึงต้องหาทางลดขั้นตอนลง ความคิดเรื่อง Super Rider จิตอาสา​ ฮีโร่นักบิด​ที่เป็นอาสาสมัครช่วยขับมอเตอร์ไซค์ประสานระหว่างผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ไปยังห้องแลปของสปคม.จึงได้เกิดขึ้น​ โดยมีหน้าที่ หลักๆคือ 1) ขนส่งตัวอย่าง​ของผู้ป่วย​ และอุปกรณ์มายังห้องแลปของสปคม. 2) นำส่งกล่องรอดตาย​ กล่องยา​ อุปกรณ์ป้องกัน​ ไปยังผู้ป่วยโควิดถึงบ้าน 3) ส่งยาเมื่อร่วมเข้าระบบแยกกักรักษาที่บ้าน สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกตื้นตันใจอย่างที่สุดคือ​ เพียงแค่ลงประกาศรับอาสาสมัคร​ Super​ Rider​ จิตอาสาได้เพียงไม่กี่นาที​ ก็มีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ​ มมาเป็นฮีโร่นักบิดเป็นจำนวนมาก ไรเดอร์จิตอาสากลุ่มแรก​ จะเริ่มภารกิจกันในวันพรุ่งนี้​ (26​ ก.ค. 64)​เป็นวันแรก​ ซึ่งทุกคนจะได้รับการอบรมการป้องกันตัวเองจากเจ้าหน้าที่ก่อนปฏิบัติงาน ผมต้องขอขอบคุณในน้ำใจของทุกท่าน​ และหวังว่าการจับมือกันร่วมกันปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้จะช่วยให้เราสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันท่วงที​ ช่วยลดตัวเลขผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตลงได้​ ขอบคุณจากใจจริงๆครับ