สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอล ผลการศึกษาติดตามการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ขนานไฟเซอร์ ซึ่งเป็นขนานหลักที่ทางการอิสราเอล นำมาฉีดให้แก่ประชาชน เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศ โดยระบุว่า วัคซีนขนานไฟเซอร์มีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ที่กำลังแพร่ระบาจนเป็นสายพันธุ์หลักในอิสราเอลในเวลานี้ได้เพียงร้อยละ 39 เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม วัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพด้านการป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อต้องมีอาการป่วยหนัก จนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้
รายงานข่าวแจ้งว่า ตัวเลขประสิทธิภาพที่ลดลงดังกล่าว อยู่บนพื้นฐาของข้อมูลที่ไม่จำเพาะเจาะจงจำนวนคน ในการศึกษาติดตามระหว่างวันที่ 20 มิ.ย. - วันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลดลงอย่างมาเมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้า ที่วัคซีนมีประสิทธิภาพป้องกันอยู่ที่ร้อยละ 64
ทั้งนี้ ตัวเลขข้างต้นยังถือเป็นการขัดแย้งกับข้อมูลจากสหราชอาณาจักร ที่ระบุก่อนหน้านี้ว่า วัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 2 โดส มีประสิทธิภาพป้องกันมิให้ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาป่วยหนักจนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลได้ถึงร้อยละ 88 และยังสามารถป้องกันผู้ติดชื้อไม่ให้มีอาการรุนแรงได้ถึงร้อยละ 91