นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันการกู้เงินซึ่งเป็นนโยบายรัฐบาลว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 ซึ่งมีเจตนารมณ์เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น เป็นการเพิ่มโอกาสในการนำทรัพย์สินมาเป็นหลักประกันโดยกำหนดให้ผู้ประกอบการสามารถนำทรัพย์สินทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมาใช้เป็นหลักประกันการชำระหนี้โดยไม่ต้องส่งมอบการครอบครองทรัพย์สิน ทำให้ผู้ประกอบการยังคงใช้ทรัพย์สินนั้นได้ต่อไป เป็นการลดข้อจำกัดในการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน โดยทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันได้ ตามกฎหมาย คือ (1) กิจการ (2) สิทธิเรียกร้อง เช่น สิทธิการเช่า ลูกหนี้การค้า (3) สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น สินค้าคงคลัง วัตถุดิบ (4) อสังหาริมทรัพย์ เฉพาะกรณีที่ผู้ให้หลักประกันประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรง (5) ทรัพย์สินทางปัญญา เช่น ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า และ (6) ทรัพย์สินอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง (ไม้ยืนต้น) ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ ได้ออกกฎกระทรวงกำหนดให้ ไม้ยืนต้นเป็นทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันได้ โดยประกาศราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งไม้ยืนต้นทุกชนิดใช้เป็นหลักประกันการกู้ยืมเงินได้ ขึ้นอยู่กับคู่สัญญาจะตกลงกันว่าจะใช้ไม้ยืนต้นประเภทใดหรือชนิดใดเป็นหลักประกัน ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีหน้าที่เป็นสำนักงานทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ รับจดทะเบียนสัญญาหลักประกัน แก้ไขการจดทะเบียน และยกเลิกการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ ตามที่สถาบันการเงิน ซึ่งเป็นผู้รับหลักประกันนั้นเป็นผู้ให้วงเงินสินเชื่อ และทำสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ สำหรับกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจจึงเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายมากขึ้น สามารถนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าอื่นที่ใช้ในการประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันการชำระหนี้ได้โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สินนั้น นางมัลลิกา กล่าวอีกว่า ไม้ยืนต้นทุกชนิดที่ใช้เป็นหลักประกันการกู้ยืมเงินได้ เมื่อติดตามดูข้อมูล ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 สถิติการจดทะเบียน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ ได้จดทะเบียนไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันแล้ว จำนวน 125,911 ต้น จำนวนเงินที่เป็นหลักประกัน 134,829,112 บาท โดยส่วนใหญ่ใช้ไม้ยืนต้นประเภท ยาง ยางนา ยางพารา สัก มะขาม มะกอกป่า สะเดา ตะโก เป็นต้น นอกจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารกรุงไทยที่รับไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันแล้ว ยังมีผู้รับหลักประกันอื่นใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักประกัน จำนวน 5 ราย โดยผู้รับหลักประกันอื่นที่รับไม้ยืนต้นส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ (สินเชื่อรายย่อยอเนกประสงค์) วงเงินกู้ไม่เกิน 50,000 บาท ต่อราย และพิโกพลัส (สินเชื่อรายย่อยอเนกประสงค์) วงเงินกู้ไม่เกิน 100,000 บาท ต่อราย อย่างไรก็ตาม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ให้ติดตามอย่างใกล้ชิดและให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์คอยให้ข้อมูลประชาชน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์และเป็นโอกาสของประชาชนในภาวะวิกฤต ซึ่งนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 ถึงปัจจุบัน (23 กรกฎาคม 2564) มีการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกัน จำนวน 32,133 ต้น จำนวนเงินที่เป็นหลักประกัน 4,559,112 บาท ทั้งนี้จะได้บูรณาการร่วมกันกับสถาบันการเงินเพื่อการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้ใช้กฎหมายและโครงการนี้เป็นโอกาสต่อไป