พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีต ผบ.ทบ. และรมช.กลาโหม กล่าวภาย​หลังจากที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (International Olympic Committee : IOC) ได้ให้การรับรองกีฬามวยไทย และสหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (International Federation of Muaythai Associations : IFMA) เข้าเป็นสมาชิกแบบถาวร ว่า นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่คนไทยและคนทั่วโลก อาจจะได้ชมการแข่งขันกีฬามวยไทยในมหกรรม Olympic กีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติในอนาคต ตนได้ร่วมประชุมทางไกล (VTC) และเฉลิมฉลองกับสมาชิก IFMA ทั้ง 146 ประเทศ ที่ร่วมรับชมถ่ายทอดการประกาศรับรองอย่างเป็นทางการจากกรุงโตเกียว รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะวันนี้ เป็นวันที่น่าภาคภูมิใจของคนไทย และของสมาชิก IFMA ทั่วโลก พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า เป็นเวลาเกือบ 30 ปีแล้ว ที่ IFMA ได้ร่วมกับรัฐบาล คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ และองค์กรกีฬาต่างๆ ในการปฎิบัติตามครรลองของโอลิมปิก เพื่อให้กีฬามวยไทยเป็นที่รู้จัก และเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ จึงทำให้ IFMA เป็นเพียงองค์กรเดียวเท่านั้น ที่ทาง IOC ให้การรับรองด้านกีฬามวยไทย จึงนับว่าเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งที่สำคัญ สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนั้น ประกอบด้วยกีฬาหลัก 28 ชนิดกีฬา และกีฬาบรรจุใหม่อีก 5 ชนิดกีฬา ที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล ประเทศเจ้าภาพจะร่วมกันพิจารณา โดยคัดเลือกจากกีฬาที่ได้การรับรองแบบถาวรจาก IOC และเป็นสมาชิกของ ARISF (Association of IOC Recognised International Sport Federations) ซึ่งปัจจุบัน IFMA เป็นสมาชิกของ ARISF เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นการรับรองจาก IOC ในวันนี้ หมายความว่ากีฬามวยไทย มีคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ พร้อมแล้วที่จะให้ IOC และประเทศเจ้าภาพได้คัดเลือกเข้าไปบรรจุเป็นกีฬาที่ใช้แข่งขันในโอลิมปิกต่อไป พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า จากที่ได้รับการรับรองแบบถาวรจาก IOC และเป็นสมาชิกของ ARISF ปัจจุบันมีประมาณ 40 ชนิดกีฬา หลังจากนี้ IFMA เตรียม เสนอให้ IOC และเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกเลือกกีฬามวยไทยเข้าบรรจุในโอลิมปิกครั้งต่อๆไป พล.อ.อุดมเดช กล่าวอีกว่า IFMA ยังคงต้องมุ่งมั่นปฎิบัติตามกฏเกณฑ์ของ IOC อย่างต่อเนื่อง เช่น นักกีฬาต้องไม่ใช้สารต้องห้าม ป้องกันการทุจริตในการแข่งขัน การใช้แรงงานเด็ก และควรกำหนดมาตรฐานมวยไทย One Standard Muaythai (OSM) เพื่อให้ นักกีฬา ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนได้ยึดถือปฏิบัติ เพื่อแสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกีฬามวยไทย และจะสร้างชื่อเสียงให้กีฬามวยไทยเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้น โดยการผลักดันให้มีการบรรจุกีฬามวยไทยในการแข่งขันระดับนานาชาติที่สำคัญต่างๆ ปัจจุบันที่สำเร็จแล้ว เช่น การแข่งขัน European Games ที่ประเทศโปแลนด์ และการแข่งขัน World Combat Games ที่ประเทศซาอุดิอาราเบีย ในปี 2566 “ผมและสมาชิก IFMA ทุกคน ก็รู้สึกไม่ต่างจากพี่น้องคนไทย ที่อยากเห็นกีฬามวยไทยในการแข่งขันโอลิมปิก ครั้งต่อไป ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ลงนามแต่งตั้งคณะอนุกรรมการการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิก ตามมติของคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมี พล.อ.ประวิตรเป็นประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการ และ พล.อ.อุดมเดชเป็นประธานคณะอนุกรรมการดำเนินการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิก ซึ่งเป็นความร่วมมือกันจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และบุคลากรที่สำคัญในวงการกีฬามวยไทย" พล.อ.อุดมเดช กล่าวต่อว่า ตนมีความมั่นใจมากว่าเป้าหมายของพวกเราที่อยากจะเห็นการแข่งขันกีฬามวยไทยในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว และกีฬามวยไทยจะเป็นกีฬาชนิดแรกในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่มีชื่อประเทศอยู่ในชื่อกีฬา นำมาซึ่งความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของคนไทยทุกคน ในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ มีรายงานว่า ในการสนับสนุนการขับเคลื่อนมวยไทยสู่โอลิมปิก การส่งเสริมให้ครูมวยไทยให้เป็นอาชีพ จะมีความร่วมมือกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อดำเนินการจัดทำมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาครูผู้ฝึกสอนมวยไทย เพื่อส่งเสริมครูผู้ฝึกสอนมวยไทยมีมาตรฐานเดียวกัน และครูมวยไทยสามารถเดินทางไปสอนมวยไทยต่างประเทศด้วยวีซ่าประกอบอาชีพอย่างถูกต้อง ขจัดปัญหาการไปสอนมวยไทยในต่างประเทศแบบวีซ่านักท่องเที่ยว โดยจะมีการจัดประชุมครั้งแรก ในวันที่ 27 ก.ค. 64 นี้ มีผู้ร่วมเข้าประชุมหลัก ได้แก่ ผู้แทนกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ประธานคณะอนุกรรมการดำเนินการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิก ซึ่งพล.อ.ประวิตรแต่งตั้ง และนางสาวสุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เพื่อให้เกิดจุดเริ่มต้นในการผลักดันการจัดทำมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาครูผู้ฝึกสอนมวยไทย ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินการเพื่อให้กีฬามวยไทยมีโอกาสถูกบรรจุอยู่ในการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิก