หนุ่ม-สาวโรงงานติดเชื้อไวรัส เข้าพักที่ศูนย์พักคอย วัดทองจันทร์ทิการาม ตำบลพยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา นอนคอยหมอเคว้งคว้างเดียวดาย ตัดสินใจโทรหาพ่อ-แม่ จัดรถโรงพยาบาลมารับกลับไปรักษาที่บ้านเกิดเพราะไม่มียาให้กิน ไม่มีหมอดูแล
สังคมไทยกับการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มีตัวเลขสูงเป็นจำนวนมาก น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง หลายๆครั้งที่เป็นเหตุการเสียชีวิตนอกโรงพยาบาล การปฏิบัติต่างๆ ทำให้ประชาชนมาถึงจุดที่ปฏิเสธกันไม่ได้ เป็นเรื่องใหญ่ที่ประชาชนในสังคมเกิดความวิตกกังวล สิ่งหนึ่งที่สังคมกำลังจับตามองก็คือการเข้ารับรักษาอย่างถูกวิธี
วันที่ 24 ก.ค. ที่อำเภอหนองกุงศรี นางสาวณัฐณิชา ศรีสุข อายุ 24 ปี พนักงานโรงงานแห่งหนึ่งในย่านบางกะดี จังหวัดปทุมธานี พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลพยอม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งตนเองและนายภานุวัฒน์ สงพันธ์ อายุ 27 ปี สามี ทำงานอยู่ที่เดียวกัน ต่อมาเมื่อวันที่ 17 ก.ค. นายภานุวัฒน์ สามีและตนเองติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้ารักษาตัวที่จุดพักคอยวัดทองจันทร์ทิการาม ตำบลพยอม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 19 ก.ค. โดยนอนชั้น 2 ของอาคาร โรงเรียน เพื่อพักรอดูอาการ ระหว่างรอพักดูอาการ โดยที่ตนเองและสามี มีอาการไอ เป็นไข้ และเจ็บคอ ซึ่งตนเองเกิดความวิตกกับอาการที่เกิดขึ้นกับตนเองและสามี เกรงว่าจะมีอาการรุนแรงมากขึ้น ซึ่งตนเองต้องการที่จะปรึกษา หรือกินยาเพื่อบรรเทาอาการต่าง ๆ ก็ไม่มีแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษา หรือนำยามาให้รับประทานเพื่อบรรเทาอาการดังกล่าว ตั้งแต่แรกเข้า จนกระทั่งวันที่ 21 ก.ค. ตนเองและสามีได้ปรึกษากันว่าหากนอนพักโดยไม่มีใครสนใจ ดูแล ให้คำปรึกษา หรือจัดหายาเพื่อให้อาการของโรคบรรเทาลง ก็คงไม่ต่างกับนอนคอยที่บ้าน ซึ่งยังมีพี่น้อง หรือญาติที่ให้การดูแล และเป็นกำลังใจให้ต่อสู้กับโรคร้ายดังกล่าว ตนจึงให้สามีโทรไปที่บ้านที่ อำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ แจ้งให้ทางบ้านทราบว่าตนและสามีติดเชื้อไวรัสโควิค 19 อยากกลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิด คุณพ่อและคุณแม่สามี จึงประสานเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหนองกุงศรี จัดรถเข้ามาเคลื่อนย้ายตนและสามีที่จุดพักคอยวัดทองจันทร์ทิการาม ตำบลพยอม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กลับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลหนองกุงศรี ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ทำการรักษาและดูแลให้กำลังใจในการต่อสู้โรคร้าย ทุกวันนี้อาการสามีดีขึ้นแพทย์นำตัวไปตรวจเช็คปอด พบว่าปอดดีขึ้น เนื่องจากได้รับประทานยาครบ ตามเวลาที่บุคลากรทางการแพทย์กำหนด ในส่วนตนนั้นก็เข้ารับพักรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลสนามหนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ วันนี้ บุคลากรทางการแพทย์ ได้ทำการตรวจเช็คร่างกายที่ปอด เป็นครั้งที่ 3 และให้นอนพักรอดูอาการที่โรงพยาบาลสนามหนองกรุงศรี ดังกล่าว
แหล่งรายงานว่า ที่ศูนย์พักคอยวัดทองจันทร์ทิการาม ในวันนี้ (23ก.ค) นี้มีผู้ป่วยที่เข้าพัก รอดูอาการประมาณ 20 เตียง และทราบต่อไปว่าจะมีการย้ายผู้ป่วย ไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาล อีกจำนวนหนึ่ง ทำให้มีผู้ที่เข้าพักที่ศูนย์พักคอยวัดทองจันทร์ทิการาม เหลือเพียง 12 เตียง ซึ่งศูนย์พักคอย ยังไม่บุคลากรทางการแพทย์ เข้ามาอำนวยความสะดวกดูแล จ่ายแจกยาให้ได้รับประทาน
แม้ว่าที่ผ่านมา นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข อธิบดีกรมบัญชีกลาง ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการวินิจฉัยมีหนังสือด่วนที่สุด ถึงปลัดกระทรวง, อธิบดี, อธิการบดี, เลขาธิการ,ผู้อำนวยการ,ผู้บัญชาการ,ผู้ว่าราชการจังหวัด,ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร,ผู้ว่าการ,หัวหน้างานรัฐวิสาหกิจ,ผู้บริหารท้องถิ่น และหัวหน้าหน่วยงานอื่นของรัฐเกี่ยวกับการดำเนินการกรณีจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา หรืออุปกรณ์การแพทย์ หรือการจัดจ้าง เพื่อให้ได้มาซึ่งวัสดุสำหรับการป้องกันการควบคุมหรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือไวรัสโควิด 19 ว่าการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุสำหรับการป้องกันควบคุมหรือรักษาโรค covid-19 ในแต่ละครั้งทุกวงเงินหรือเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วนการปฏิบัติงานนั้นดำเนินการไปก่อนแล้วรีบรายงานขอความเห็นชอบต่อหัวหน้าหน่วยงานของรัฐเป็นหลักฐานการตรวจรับโดยอนุโลม
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเกี่ยวกับการซักซ้อมแนวทางการดำเนินการและการใช้จ่ายงบประมาณในการดำเนินการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 กรณีการสร้างโรงพยาบาลสนามระดับพื้นที่ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ว่าในการป้องกันและดูแลรักษาผู้ป่วยทั้งภาครัฐและเอกชนจัดหายาเวชภัณฑ์เครื่องมือในการตรวจโรคเครื่องช่วยในการหายใจ และอุปกรณ์อื่นๆที่จำเป็นให้เพียงพอตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดหรือแนะนำครั้งนี้ให้รวมถึงการเตรียมบุคลากรทางการแพทย์จากแหล่งต่างๆและการเตรียมสถานที่กักกันสถานที่คุมไว้สังเกตการณ์หรือเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยที่อาจเพิ่มจำนวนขึ้นโดยขอความร่วมมือดัดแปลงสถานที่ต่างๆ เป็นโรงพยาบาลชั่วคราว สามารถจัดหาสถานที่วัสดุอุปกรณ์เช่นยาเวชภัณฑ์เครื่องมือในการตรวจโรคเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์อื่นที่จำเป็นได้ รวมถึงการปรับปรุงสถานที่หรือเจ้าหน้าที่กันชนให้พิจารณาสถานที่ราชการเป็นอันดับแรกทำความสะอาดฆ่าเชื้อ
ตามที่ นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข อธิบดีกรมบัญชีกลาง และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ทั้งสองได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลรักษาผู้ป่วยจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือไวรัสโควิด 19 โดยให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยมีการซักซ้อมแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณในการจัดหายาเวชภัณฑ์เครื่องมือในการตรวจโรคเครื่องช่วยในการหายใจ และอุปกรณ์อื่นๆที่จำเป็นให้เพียงพอตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด อย่างชัดเจน
แต่ที่ศูนย์พักคอยวัดทองจันทร์ทิการาม ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา สร้างใหญ่โต ด้วยงบประมาณจำนวนมาก แต่กลับขาดการดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ แม้กระทั่งยาสามัญประจำบ้าน ที่ใช้รักษาตามอาการก็ยังไม่มี กลับให้ผู้ป่วยต้องอยู่ดูแลตนเองตามมีตามเกิด ก็อยากสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องครับว่างบประมาณในการจัดหาเวชภัณฑ์จำนวนมากจนไม่สามารถจัดหายา เวชภัณฑ์มาให้ผู้ป่วยบรรเทาอาการป่วยเลยหรือ ถ้าจะเสียงบประมาณในการสร้างที่พักคอยขนาดใหญ่ ที่ไร้การเหลียวแล
ถ้าผมเป็นผู้ป่วยผมขอแค่อาคารเล็ก ๆ แต่มีบุคลากรทางการแพทย์ดูแล และจัดยาให้ทาน เท่านี้ผู้ป่วยในประเทศก็น่าจะลดได้อย่างมาก เพราะผู้ป่วยก็ไม่อยากลับบ้าน จะทำให้คนที่บ้านติดเชื้อด้วย แต่ถ้าพักที่ศูนย์แห่งนี้แล้วได้รับการบริการแบบนี้ ผมก็ยอมที่จะไปนอนกลางทุ่งกลางนา ที่มีคนดูแลใส่ใจจะดีกว่า งานพึ่งเริ่มปัญหาย่อมเกิดจะด้วยความผิดพลาดหรือเข้าใจผิดด้วยเหตุผลประการใด ทุกอย่างมีคำตอบในตัว วอยผู้มีอำนาจในบ้านเมืองช่วยตรวจสอบการบริหารจัดการของศูนย์พักคอยแห่งนี้ด้วยครับ
สังคมไทยกับการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มีตัวเลขสูงเป็นจำนวนมาก น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง หลายๆครั้งที่เป็นเหตุการเสียชีวิตนอกโรงพยาบาล การปฏิบัติต่างๆ ทำให้ประชาชนมาถึงจุดที่ปฏิเสธกันไม่ได้ เป็นเรื่องใหญ่ที่ประชาชนในสังคมเกิดความวิตกกังวล สิ่งหนึ่งที่สังคมกำลังจับตามองก็คือการเข้ารับรักษาอย่างถูกวิธี
วันที่ 24 ก.ค. ที่อำเภอหนองกุงศรี นางสาวณัฐณิชา ศรีสุข อายุ 24 ปี พนักงานโรงงานแห่งหนึ่งในย่านบางกะดี จังหวัดปทุมธานี พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลพยอม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งตนเองและนายภานุวัฒน์ สงพันธ์ อายุ 27 ปี สามี ทำงานอยู่ที่เดียวกัน ต่อมาเมื่อวันที่ 17 ก.ค. นายภานุวัฒน์ สามีและตนเองติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้ารักษาตัวที่จุดพักคอยวัดทองจันทร์ทิการาม ตำบลพยอม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 19 ก.ค. โดยนอนชั้น 2 ของอาคาร โรงเรียน เพื่อพักรอดูอาการ ระหว่างรอพักดูอาการ โดยที่ตนเองและสามี มีอาการไอ เป็นไข้ และเจ็บคอ ซึ่งตนเองเกิดความวิตกกับอาการที่เกิดขึ้นกับตนเองและสามี เกรงว่าจะมีอาการรุนแรงมากขึ้น ซึ่งตนเองต้องการที่จะปรึกษา หรือกินยาเพื่อบรรเทาอาการต่าง ๆ ก็ไม่มีแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษา หรือนำยามาให้รับประทานเพื่อบรรเทาอาการดังกล่าว ตั้งแต่แรกเข้า จนกระทั่งวันที่ 21 ก.ค. ตนเองและสามีได้ปรึกษากันว่าหากนอนพักโดยไม่มีใครสนใจ ดูแล ให้คำปรึกษา หรือจัดหายาเพื่อให้อาการของโรคบรรเทาลง ก็คงไม่ต่างกับนอนคอยที่บ้าน ซึ่งยังมีพี่น้อง หรือญาติที่ให้การดูแล และเป็นกำลังใจให้ต่อสู้กับโรคร้ายดังกล่าว ตนจึงให้สามีโทรไปที่บ้านที่ อำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ แจ้งให้ทางบ้านทราบว่าตนและสามีติดเชื้อไวรัสโควิค 19 อยากกลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิด คุณพ่อและคุณแม่สามี จึงประสานเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหนองกุงศรี จัดรถเข้ามาเคลื่อนย้ายตนและสามีที่จุดพักคอยวัดทองจันทร์ทิการาม ตำบลพยอม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กลับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลหนองกุงศรี ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ทำการรักษาและดูแลให้กำลังใจในการต่อสู้โรคร้าย ทุกวันนี้อาการสามีดีขึ้นแพทย์นำตัวไปตรวจเช็คปอด พบว่าปอดดีขึ้น เนื่องจากได้รับประทานยาครบ ตามเวลาที่บุคลากรทางการแพทย์กำหนด ในส่วนตนนั้นก็เข้ารับพักรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลสนามหนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ วันนี้ บุคลากรทางการแพทย์ ได้ทำการตรวจเช็คร่างกายที่ปอด เป็นครั้งที่ 3 และให้นอนพักรอดูอาการที่โรงพยาบาลสนามหนองกรุงศรี ดังกล่าว
แหล่งรายงานว่า ที่ศูนย์พักคอยวัดทองจันทร์ทิการาม ในวันนี้ (23ก.ค) นี้มีผู้ป่วยที่เข้าพัก รอดูอาการประมาณ 20 เตียง และทราบต่อไปว่าจะมีการย้ายผู้ป่วย ไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาล อีกจำนวนหนึ่ง ทำให้มีผู้ที่เข้าพักที่ศูนย์พักคอยวัดทองจันทร์ทิการาม เหลือเพียง 12 เตียง ซึ่งศูนย์พักคอย ยังไม่บุคลากรทางการแพทย์ เข้ามาอำนวยความสะดวกดูแล จ่ายแจกยาให้ได้รับประทาน
แม้ว่าที่ผ่านมา นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข อธิบดีกรมบัญชีกลาง ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการวินิจฉัยมีหนังสือด่วนที่สุด ถึงปลัดกระทรวง, อธิบดี, อธิการบดี, เลขาธิการ,ผู้อำนวยการ,ผู้บัญชาการ,ผู้ว่าราชการจังหวัด,ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร,ผู้ว่าการ,หัวหน้างานรัฐวิสาหกิจ,ผู้บริหารท้องถิ่น และหัวหน้าหน่วยงานอื่นของรัฐเกี่ยวกับการดำเนินการกรณีจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา หรืออุปกรณ์การแพทย์ หรือการจัดจ้าง เพื่อให้ได้มาซึ่งวัสดุสำหรับการป้องกันการควบคุมหรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือไวรัสโควิด 19 ว่าการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุสำหรับการป้องกันควบคุมหรือรักษาโรค covid-19 ในแต่ละครั้งทุกวงเงินหรือเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วนการปฏิบัติงานนั้นดำเนินการไปก่อนแล้วรีบรายงานขอความเห็นชอบต่อหัวหน้าหน่วยงานของรัฐเป็นหลักฐานการตรวจรับโดยอนุโลม
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเกี่ยวกับการซักซ้อมแนวทางการดำเนินการและการใช้จ่ายงบประมาณในการดำเนินการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 กรณีการสร้างโรงพยาบาลสนามระดับพื้นที่ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ว่าในการป้องกันและดูแลรักษาผู้ป่วยทั้งภาครัฐและเอกชนจัดหายาเวชภัณฑ์เครื่องมือในการตรวจโรคเครื่องช่วยในการหายใจ และอุปกรณ์อื่นๆที่จำเป็นให้เพียงพอตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดหรือแนะนำครั้งนี้ให้รวมถึงการเตรียมบุคลากรทางการแพทย์จากแหล่งต่างๆและการเตรียมสถานที่กักกันสถานที่คุมไว้สังเกตการณ์หรือเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยที่อาจเพิ่มจำนวนขึ้นโดยขอความร่วมมือดัดแปลงสถานที่ต่างๆ เป็นโรงพยาบาลชั่วคราว สามารถจัดหาสถานที่วัสดุอุปกรณ์เช่นยาเวชภัณฑ์เครื่องมือในการตรวจโรคเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์อื่นที่จำเป็นได้ รวมถึงการปรับปรุงสถานที่หรือเจ้าหน้าที่กันชนให้พิจารณาสถานที่ราชการเป็นอันดับแรกทำความสะอาดฆ่าเชื้อ
ตามที่ นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข อธิบดีกรมบัญชีกลาง และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ทั้งสองได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลรักษาผู้ป่วยจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือไวรัสโควิด 19 โดยให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยมีการซักซ้อมแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณในการจัดหายาเวชภัณฑ์เครื่องมือในการตรวจโรคเครื่องช่วยในการหายใจ และอุปกรณ์อื่นๆที่จำเป็นให้เพียงพอตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด อย่างชัดเจน
แต่ที่ศูนย์พักคอยวัดทองจันทร์ทิการาม ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา สร้างใหญ่โต ด้วยงบประมาณจำนวนมาก แต่กลับขาดการดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ แม้กระทั่งยาสามัญประจำบ้าน ที่ใช้รักษาตามอาการก็ยังไม่มี กลับให้ผู้ป่วยต้องอยู่ดูแลตนเองตามมีตามเกิด ก็อยากสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องครับว่างบประมาณในการจัดหาเวชภัณฑ์จำนวนมากจนไม่สามารถจัดหายา เวชภัณฑ์มาให้ผู้ป่วยบรรเทาอาการป่วยเลยหรือ ถ้าจะเสียงบประมาณในการสร้างที่พักคอยขนาดใหญ่ ที่ไร้การเหลียวแล
ถ้าผมเป็นผู้ป่วยผมขอแค่อาคารเล็ก ๆ แต่มีบุคลากรทางการแพทย์ดูแล และจัดยาให้ทาน เท่านี้ผู้ป่วยในประเทศก็น่าจะลดได้อย่างมาก เพราะผู้ป่วยก็ไม่อยากลับบ้าน จะทำให้คนที่บ้านติดเชื้อด้วย แต่ถ้าพักที่ศูนย์แห่งนี้แล้วได้รับการบริการแบบนี้ ผมก็ยอมที่จะไปนอนกลางทุ่งกลางนา ที่มีคนดูแลใส่ใจจะดีกว่า งานพึ่งเริ่มปัญหาย่อมเกิดจะด้วยความผิดพลาดหรือเข้าใจผิดด้วยเหตุผลประการใด ทุกอย่างมีคำตอบในตัว วอยผู้มีอำนาจในบ้านเมืองช่วยตรวจสอบการบริหารจัดการของศูนย์พักคอยแห่งนี้ด้วยครับ