ด่วน !! คลัสเตอร์เรือนจำขอนแก่น ยอดผู้ป่วยทะลุ 929 ราย เร่งระดมรถเอกซเรย์ตรวจปอดนักโทษทุกรายเพื่อตรวจหาเชื้อ ตามมาตรการตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวด ย้ำชัดหากพบผิดปกติและติดเชื้อโควิด เข้าสู่ระบบการรักษาที่ รพ.สนาม ทันที พร้อมสั่งห้ามเคลื่อนย้ายนักโทษออกจากเรือนจำทั้งหมด
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 23 ก.ค.64 นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ภายหลังจากการพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นกลุ่มนักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำขอนแก่น จนกลายเป็นคลัวเตอร์เรือนจำขอนแก่นเกิดขึ้นในขณะนี้ ทีมสอบสวนโรคได้ระดมทีมตรวจ ทำการตรวจคัดกรองนักโทษ 1,620 คน ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง จากนักโทษในเรือนจำกลางขอนแก่นทั้งหมด 4,458 คน และจากการตรวจเชิงลึกทั้ง 1,620 คน พบว่าผลการตรวจออกมาติดเชื้อเพิ่มสะสมรวมล่าสุดอยู่ที่ 929 คน ซึ่งจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ก่อนหน้านี้ภายหลังจากที่มีตรวจพบนักโทษติดเชื้อโควิด-19 และมีแผนที่จะย้ายนักโทษหญิงจากเรือนจำกลางขอนแก่นไปยังเรือนจำข้างเคียง โดยผลตรวจในกลุ่มนักโทษหญิงมีการตรวจพบว่าติดเชื้อช่นกัน จึงได้มีการสั่งปรับแผนในการจัดการควบคุมโรค โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนตามาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวดทันที
" ขณะนี้การบริหารจัดการเหตุการณ์ที่เรือนจำกลางขอนแก่น ประกอบด้วยส่วนที่ 1 คือการทำบับเบิล แอนด์ ซีล ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด คือเจ้าหน้าที่เรือนจำทั้งหมด 135 คน ที่จะต้องมีการอยู่เวรยามและใช้ระบบ 727 คืออยู่เวร 7 วัน พัก 2 วัน และอยู่เวรต่ออีก 7 วัน เป็น 2 ผลัด หลังจากนั้นจะให้มีการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้กับบุคลากรของเรือนจำ และในส่วนของผู้ต้องขังที่ป่วย 929 คน จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้สูงอายุและ7กลุ่มโรคเรื้อรัง จะต้องถูกปรับย้ายไปอยู่แดนหอประชุมกลางและนอกเหนือจากกลุ่มนี้ จะจัดให้อยู่อีกจุด ที่เรือนจำกำหนด สำหรับผู้ต้องขังหญิงจากการคัดกรองพบว่าผลเป็นบวก 5 คน จะไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายใดๆ และจะใช้หอพักเรือนจำเป็นที่รักษา ส่วนนักโทษชาย-หญิงที่เหลืออีก2,838 คน จะไม่มีการตรวจหาเชื้อแบบสวอปเพิ่ม แต่จะระดมรถเอกซเรย์ในเขตจังหวัดที่มีอยุ่มาทำการรเอกซเรย์ปอด หากเอกซเรย์แล้วปอดมีฝ้าจึงจะทำการสวอปซ้ำ หากผลเป็นบวกจะทำการรักษาต่อไป แต่หากผลเป็นลบ จะแยกกักตัวเนื่องจากมีความเสี่ยง และวางแผนที่จะใช้หอเรือนนอนในการแยกกลุ่มเป็นที่พักรักษา และได้ให้กรมราชทัณฑ์ขอสนับสนุนวัคซีนในนามกรมราชทัณฑ์เพิ่มเติม"
นพ.สมชายโชติ กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ สสจ.ขอนแก่น ได้ประสานขอรับการสนับสนุนยาต้านไวรัสเพิ่มเติม และการสนับสนุนรถเอกซเรย์ ในการช่วยตรวจ และจะมีการเชื่อมต่อระบบบริการของ รพงขอนแก่น ในเบื้องต้นจะใช้กรณีศึกษาของเรือนจำ จัดทำเป็นโมเดล เพื่อให้เรือนจำดูแลผู้ป่วยในทุกระดับยกเว้นผู้ป่วยสีแดง หากเป็นผู้ป่วยสีเหลืองก็จะมีการเพิ่มเครื่องออกซิเจนเข้าไป เนื่องจากถ้าหากให้ผู้ต้องขังออกมาด้านนอกจะมีประเด็นเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ที่ต้องมีการกักตัว รวมถึง รพ.ขอนแก่น ขณะนี้เตียงผู้ป่วยโควิดแน่นอยู่แล้ว แต่หาก รพ.ฯมีเตียงเพียงพอ ก็พร้อมที่จะรับผู้ป่วยในกลุ่มนักโทษมารักษาทันที ซึ่งยอมรับว่าคลัสเตอร์เรือนจำขอนแก่นเป็นสิ่งที่ท้าทาย ทำให้ขณะนี้ต้องมีการหารือในกลุ่ม สถานพินิจและคุ้มครองเด็ก หรือกลุ่มโรงงาน หรือกลุ่มที่มีคนอยู่จำนวนมาก ที่จะต้องมีระบบการคัดกรองที่ดีกว่านี้
"ขณะนี้ยังไม่สามารถหาสาเหตุได้ว่ามีการรับเชื้อมาจากไหน เพราะจากการวัดระดับค่าแลปได้ค่าประมาณ 38 ซึ่งหมายความว่ามีการติดเชื้อมาเป็นเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ เมื่อมีการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าไม่ได้สัมผัสอะไร และจากผลการตรวจเชื้อจากผู้คุมผลเป็นลบทั้งหมด ขณะที่จากการตรวจสอบระบบของเรือนจำ พบว่าผู้ต้องขังรายใหม่นั้นได้มีการกักตัว 21 - 28 วัน ซึ่งอาจจะมีบางคนที่กักตัวครบแต่ไม่ได้ตรวจซ้ำ"