มีรายงานว่า กลุ่มหมอไม่ทน ได้โพสต์ แคมเปญรณรงค์ ผ่าน www.change.org ในหัวข้อ ชวนจับตา “Pfizer 1.5 ล้านโดสจากอเมริกา วันที่ 29 กรกฏาคมนี้” มีรายละเอียดดังนี้
#หมอไม่ทน ชวนประชาชนจับตา “Pfizer 1.5 ล้านโดสจากอเมริกา วันที่ 29 กรกฏาคมนี้”
ตามแผนฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสซึ่งจะเข้ามาวันที่ 29 กรกฏาคม 2564 ทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 วางไว้ โดยเตรียมให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเป็นบูสเตอร์โดส 1 เข็ม ผู้สูงอายุและผู้มีโรคเรื้อรัง 7 โรค, ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุและโรคเรื้อรัง และผู้ที่มีความจำเป็นต้องฉีดไฟเซอร์ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา
ขณะนี้บุคลากรทางการแพทย์หลายแห่ง ถูกบังคับ หรือถูกโน้มน้าวว่าจะไม่มีวัคซีนดังกล่าวเข้ามา รวมถึงหลายที่ออกนโยบายให้บุคลากรต้องรับวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 เป็น AstraZeneca ทาง 'หมอไม่ทน' จึงขอตั้งข้อสังเกตต่อความรีบร้อนในการฉีด AstraZeneca ให้บุคลากรเป็นการเร่งด่วน ซึ่งอาจจะพอพูดได้ว่าเพื่อป้องกันการติดเชื้อในบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งได้รับ Sinovac สองเข็มแล้ว แต่ยังมีการติดเชื้ออยู่ สร้างความกดดัน เพิ่มภาระการทำงานเมื่อผู้ร่วมงานติดเชื้อ และทำให้ไม่ไว้วางใจในการทำงานของรัฐบาล จากการตัดสินใจวางแผนวัคซีนที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก
'หมอไม่ทน' จึงขอเชิญชวนประชาชน เฝ้าจับตาการมาถึงของ Pfizer ในอีก 7 วันต่อจากนี้ เพื่อให้วัคซีนไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่ควรได้รับตามความเสี่ยงและความจำเป็น ไม่ให้มีการบิดเบี้ยวของแผนไปให้หน่วยงานอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการคอรัปชั่นที่ยากจะรับได้ บุคลากรทางการแพทย์ควรได้ฉีดบูสเตอร์โดส ด้วยวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสามารถดูแลประชาชนได้เต็มที่ และกลุ่มเสี่ยงเช่นผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง ควรได้รับวัคซีน Pfizer เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อและอาการรุนแรงมากกว่าวัคซีนที่มีการศึกษาแล้วว่ามีประสิทธิภาพน้อยกว่า
'หมอไม่ทนยัง' ยืนยันการเรียกร้อง mRNA vaccine เป็นวัคซีนหลักให้คนไทยทุกคน ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงวัคซีน คือการลดโอกาสการมีชีวิตรอดของประชาชน
หมอไม่ทน
22 กรกฎาคม 2564
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและร่วมลงชื่อสนับสนุนการนำ mRNA มาเป็นวัคซีนหลักได้ที่ change.org/vaccinewetrust