นายสุรชัย เจียมกูล รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.ตราด ในฐานะโฆษก สำนักงานสาธารณสุข จ.ตราด เปิดเผยถึงกรณีการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในซอยลุงโพย ม.1 ต.วังกระแจะ อ.เมือง จ.ตราด เมื่อวานนี้มีรายงานจาก สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองตราด พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ถึง 6 ราย โดยทั้งหมด เป็นครอบครัวเดียวกัน ประกอบอาชีพขนส่งสินค้า โดยจากการสอบสวนโรคเบื้องต้น ยังไม่ทราบว่าที่มาของการติดเชื้อว่ามาจากแหล่งไหน ทางเจ้าหน้าที่เองอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อเร่งหาต้นตอโดยเร็ว ส่วนจ.ตราดวันนี้ (22 กรกฎาคม 2564 )มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 21 ราย ในจำนวนนี้ มีพนักงานโกลเฮาส์ 1 ราย รวมของโกลบอลเฮาส์ทั้งหมดติดรวม 17 คน แล้ว ส่วนกระแสข่าวลือ กรณี คนขับวินมอเตอร์ไซค์รับแจ้ง ในเขตเทศบาลเมืองตราด ติดเชื้อโควิด-19 นั้น ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตราด ยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องนี้ แต่ต้องขอบคุณสื่อมวลชนและประชาชนที่ทราบเรื่องนี้มาสอบถาม ซึ่งจะให้หน่วยงานในพื้นที่เร่งตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ช่วงกลางดึกของวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 นายภิญโญ ประกอบผล ผู้ว่าราชการจังหวัดราด ออกคำสั่งจังหวัดตราด ที่ 1327/2564 เรื่อง ปิดสถานที่ชั่วคราวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVD-19) โดยในคำสั่งมีเนื้อหา ประกาศปิด บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) สาขาตราด ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 - 4 สิงหาคม 2564 เป็นเวลา 14 วัน หลังพบพนักงานติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 33 ราย และมีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดการแพร่ระบาดอีก โดยระบุว่า 1.ปิดบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) สาขาตราด ตั้งอยู่เลขที่ 62/26 หมู่ที่ 5 ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เป็นการชั่วคราวระยะเวลา 14 วัน 2 ห้ามผู้ใดเข้าไปหรือออก จากบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) สาขาตราด เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ 3 ให้พนักงาน คนงาน กลุ่มเสี่ยง หรือผู้ที่เป็นผู้สัมผัส ให้กักกันตนเองจากครอบครัว และชุมชนเป็นระยะเวลา 14 วัน 4. ห้ามบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) สาขาตราด เคลื่อนย้ายพนักงาน คนงานไปปฏิบัติหน้าที่ ณ สาขา หรือสถานที่อื่น หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ตามมาตรา 51 หรือต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 52 แห่ง พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 หรือต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558