คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย รูปลักษณ์และภาพลักษณ์ของนักการเมืองนับเป็นส่วนประกอบสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่สามารถส่งผลนำให้เขาคนนั้นไปสู่ความน่าเชื่อถือและได้รับแรงศรัทธาจากประชาชน ฉะนั้นจึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่บรรดานักการเมืองพยายามอย่างยิ่งที่จะสร้างเปลือกชักใยขึ้นมาห่อหุ้มตัวเองให้แปลงร่างกลายเป็นผีเสื้อที่แสนสวยงาม ทั้งนี้ยังมีนักการเมืองสุภาพสตรีอเมริกันในสภาคองเกรสท่านหนึ่ง ที่เธอช่างแสนกล้าหาญออกมาแสดงจุดยืนทางด้านการเมืองอย่างเด็ดเดี่ยวน่าชื่นชม ซึ่งนักการเมืองหญิงที่ผมกล่าวถึงท่านนี้ก็คือ “ส.ส.ลิซ เชนีย์” วัย 54 ปี จากรัฐไวโอมิง สังกัดค่ายพรรครีพับลิกัน ชีวประวัติพอสังเขปของลิซ เชนีย์ ก็น่าสนใจมิใช่น้อย โดยเธอจบทางด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยชิคาโก ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาเดียวกันกับที่ “อดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา”เคยเป็นศาสตราจารย์สอนวิชากฎหมายเป็นเวลากว่าสิบปี และเมื่อเธอจบการศึกษาแล้วเธอได้ยึดอาชีพด้วยการเป็นนักกฎหมายที่มีทั้งความเชี่ยวชาญและช่ำชองด้านกฎหมายต่างๆทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ และที่ผ่านมาเธอยังดำรงตำแหน่งในหน้าที่ต่างๆมาแล้วอย่างมากมาย!!! ลิซ เชนีย์ เป็นบุตรสาวของ “อดีตรองประธานาธิบดีดิก เชนีย์” ซึ่งเขาก็เคยดำรงอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมในยุคสมัยของอดัตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ด้วยเช่นกัน โดยขณะที่บิดาของเธอดำรงอยู่ในตำแหน่งรองประธานาธิบดีนั้น ถือได้ว่าเขาเป็นผู้บงการชักใยอยู่เบื้องหลังประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุชในแทบทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นด้านนโยบายภายในและนโยบายต่างประเทศ แถมเขายังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการนำสหรัฐฯเข้าสู่สงครามอิรักอีกด้วย ลิซ เชนีย์ ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อปี 2017 ที่เธอสามารถชนะคะแนนเหนือคู่แข่งถึงกว่า 60% โดยเธอเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเดินตามรอยเท้าทางการเมืองของบิดาแทบทุกย่างก้าว ขณะนี้เธอได้รับเลือกให้เป็นนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลอันดับสามของค่ายพรรครีพับลิกัน ซึ่งเธอรับหน้าที่ประธานการประชุมของสมาชิกสภาผู้แทนพรรครีพับลิกันตั้งแต่ปี 2019 ที่บิดาของเธอก็เคยดำรงอยู่ในตำแหน่งนี้มาก่อนอีกด้วยเช่นกัน ประธานการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนฯมีหน้าที่คอยกำกับดูแลงานประจำวันของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพรรค ทำหน้าที่สื่อสารเรื่องสำคัญต่างๆให้สมาชิกในพรรคได้รับทราบ ซึ่งถือว่าตำแหน่งนี้คือผู้กำกับงานสำคัญๆประจำวันของพรรครีพับลิกันนั่นเอง อนึ่งในการแข่งขันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนฯของพรรครีพับลิกันขั้นต้นที่จัดขึ้นเมื่อปี 2020 นั้น ปรากฏว่า ลิซ เชนีย์ ได้รับชัยชนะเหนือคู่แข่งในพรรคเดียวกันถึง 73% และได้รับชัยชนะในการแข่งขันทั่วไปด้วยคะแนนเสียง 69% และขณะที่ลิซ เชนีย์ ดำรงอยู่ในตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนฯเธอยกมือสนับสนุนนโยบายต่างๆของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มากถึง 93% ทั้งนี้ลิซ เชนีย์ได้กลายเป็นนักการเมืองดาวรุ่งพุ่งแรงระดับประเทศตั้งแต่ครั้งที่เธอเป็นหนึ่งในสิบของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกันที่กล้าหาญชาญชัยออกมากล่าวสนับสนุนให้มีการฟ้องร้องครั้งที่สองเกี่ยวกับการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ถูกข้อกล่าวหาว่าชักใยอยู่เบื้องหลังให้ฝูงชนก่อจลาจลบุกเข้าสู่รัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 โดยเธอชูธงยึดเอารัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกาเพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตยเป็นหลักใหญ่ ซึ่งเธอกล่าวว่า เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด ที่นักการเมืองผู้นำของพรรครีพับลิกันคนอื่นๆไม่กล้าแสดงออก!!! ทั้งนี้ลิซ เชนีย์ ยังได้กล่าวต่อไปอีกว่า “หากปราศจากประธานาธิบดีทรัมป์ยุยงและคอยชักใยอยู่เบื้องหลังแล้วละก็ เหตุการณ์ร้ายแรงเยี่ยงนี้ ก็คงจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งประธานาธิบดีทรัมป์ก็มิได้ปฏิบัติตามคำสาบานที่มีต่อรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด” และขณะที่เกิดเหตุการณ์ที่มีฝูงชนบุกเข้าไปในรัฐสภา ซึ่งลิช เชนีย์ ก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่กลุ่มผู้ประท้วงต้องการจะโจมตี มีผลทำให้เธอเกิดความหวาดระแวง จนถึงขั้นต้องจ้างบอดี้การ์ดให้คอยเฝ้ารักษาความปลอดภัยเป็นเงินกว่า 58,000 เหรียญ และเมื่อการฟ้องร้องอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ในวุฒิสภาเกิดล้มเหลวและมีผลทำให้ลิซ เชนีย์ กลายเป็นแกะดำในพรรคก็ตาม แต่เธอก็ยังสามารถประคองตัวรักษาตำแหน่งประธานประชุมของสมาชิกสภาผู้แทนฯเอาไว้ได้ด้วยเสียงสนับสนุน 145 ต่อ61 โดยเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2021 ได้มีการลงคะแนนลับในกลุ่มสภาผู้แทนราษฎรของค่ายพรรครีพับลิกัน และในอีกสองเดือนต่อจากนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ ผลักดันให้ “เควิน แมคคาร์ธี” ผู้นำสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกันปลดลิช เชนีย์ออกจากตำแหน่ง โดยเธอออกมากล่าวว่า “ดิฉันจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้คนอย่างประธานาธิบดีทรัมป์เข้าใกล้ห้องทำงานรูปไข่ Oval Office ได้อีกต่อไป” อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ได้ตอบโต้สวนกลับในทันทีทันใดว่า “ข้าพเจ้าก็จะหานักการเมืองคนอื่นเข้าไปแข่งขันท้าชิงตำแหน่งของลิซ เชนีย์ในการเลือกตั้งกลางสมัย ปี 2022” โดยขณะนี้ผู้ที่จงรักภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ตั้งหน้าเรียงแถวประกาศตัวที่จะลงเลือกตั้งแข่งขันกับลิซ เชนีย์หลายคนด้วยกัน อนึ่งการระดมทุนเตรียมความพร้อม เพื่อลงเลือกตั้งกลางสมัยปี 2022 อีก 13 เดือนข้างหน้าของลิซ เชนีย์ นั้น มีความสำคัญต่อเธอมากทีเดียวและถึงแม้ว่าลิซ เชนีย์ จะมีคู่แข่งหลายๆคนก็ตาม แต่ปรากฏว่าขณะนี้เธอมีเงินสนับสนุนการเลือกตั้งแล้วกว่าสองล้านเหรียญ ซึ่งถือว่านำหน้าเหนือคู่แข่งไปหลายเท่าตัวที่คู่แข่งคนอื่นๆบางคนยังได้ไม่ถึงสองแสนเหรียญด้วยซ้ำไป ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน และยังเป็นที่คาดการณ์กันว่า การต่อสู่เพื่อรักษาที่นั่งตัวเดิมของเธอเอาไว้ในครั้งนี้ จะกลายเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐฯ!!! อย่างไรก็ตามผู้ที่เคยให้การสนับสนุนลิซ เชนีย์ที่ผ่านๆมา ก็ยังออกมาแสดงเจตจำนงที่จะยืนหยัดสนับสนุนเธอในการแข่งขันกลางสมัยในปี 2022 สืบเนื่องมาจากพวกเขาต่างชื่นชมในความกล้าหาญของเธอนั่นเอง อนึ่งเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2021 ที่ผ่านมาไม่นานนี้ “ประธานสภาผู้แทนราษฎรแนนซี เพโลซี” ได้ออกมาประกาศแต่งตั้งให้ ลิซ เชนีย์ เป็นหนึ่งในคณะกรรมการสอบสวนการที่มีฝูงชนบุกเข้าสู่รัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ทั้งนี้คณะกรรมการชุดนี้มีความมุ่งมั่นต้องการที่จะรวบรวมข้อมูลเหตุการณ์ต่างๆในการก่อเหตุจลาจลทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยลิซ เชนีย์กล่าวหลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งกรรมการว่า “รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการชุดนี้” และเธอได้กล่าวต่อไปอีกว่า “สภาคองเกรสมีหน้าที่ที่จะต้องสอบสวนเกี่ยวกับการโจมตีที่ร้ายแรงต่อรัฐสภาและจะต้องทำแบบมืออาชีพอย่างรวดเร็วทันควัน โดยไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และสิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่ 6 มกราคม2021 ที่ผ่านมานี้ ไม่สามารถให้เกิดขึ้นได้อีกในครั้งต่อๆไป” และหลังจากที่ลิซ เชนีย์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการชุดนี้แล้วนั้น ปรากฏว่า ส.ส.เควิน แมคคาร์ธี ได้ออกมากล่าวว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกตกตะลึงที่ลิซ เชนีย์ได้รับการแต่งตั้งในคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ 6 มกราคม” ถึงแม้ว่าลิซ เชนีย์ จะต้องสูญเสียตำแหน่งผู้นำในสภาผู้แทนราษฎร และประตูอนาคตสู่การเป็นโฆษกหญิงคนแรกของพรรครีพับลิกันจะปิดลงไปแล้วก็ตาม แต่ประตูในการเริ่มต้นเส้นทางสู่การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ สังกัดค่ายพรรครีพับลิกันยังคงเปิดกว้างรอคอยเธออยู่ กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้น ลิซ เชนีย์ วางเดิมพันชีวิตของการเป็นผู้นำในค่ายพรรครีพับลิกันได้อย่างกล้าหาญ สมกับสมญานาม สตรีเหล็กผู้รักเกียรติยศและศักดิ์ศรี โดยเธอมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าหวังที่จะกำจัดอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกไปให้พ้นจากพรรครีพับลิกันให้จงได้ อย่างที่ไม่มีนักการเมืองพรรครีพับลิกันคนใดหาญกล้าท้าทาย ซึ่งถือว่าเธอได้สร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกให้กับพรรครีพับลิกัน เพราะขณะนี้ภาพลักษณ์ของพรรครีพับลิกันต่ำเตี้ยเรี่ยดินแบบสุดๆละครับ