เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เข้ามาสร้างวิกฤติให้กับคนทั้งโลก จนหลายคนกล่าวกันว่าเป็นเสมือนสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่คร่าชีวิตคนนับล้านคนทั่วโลก ความรุนแรงที่ทวีขึ้นทุกขณะ สร้างความหวาดหวั่นให้กับทุกๆคน แต่เมื่อชีวิตต้องดำเนินต่อไป และสุดท้ายนั้นก็ต้องอยู่กับโควิดให้ได้ โดยเฉพาะในภาคส่วนเอกชนท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จึงเกิดแนวคิดพยายามแสวงหาแนวทางสร้างการท่องเที่ยววิถีใหม่ นำร่อง ผลักดัน และเป็นต้นแบบให้ท่องเที่ยววิถีใหม่ของไทยในยุคโควิด เปิดประเทศต้องเข้าถึงนักท่องเที่ยวได้ง่าย ทั้งนี้ นาย ชำนาญ ศรีสวัสดิ์’ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (สทท.) กล่าวว่า หากเปิดประเทศเรียบร้อยตามแผนที่นายกรัฐมนตรีเคยประกาศนับถอยหลัง 120 วันถ้าหากไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจะเป็นความลำบากอีกระลอกของคนท่องเที่ยว ดังนั้นจึงเสนอว่าการเปิดประเทศจะต้องมีกระบวนการที่ง่าย เข้าถึงได้ นักท่องเที่ยวสะดวกสบาย รวมถึงจำเป็นต้องมีแคมเปญสำหรับการเปิดประเทศ อาจช่วยจ่ายเงินค่าห้องให้นักท่องเที่ยว ผ่านแคมเปญ 1 ดอลลาร์ 1 คืน จ่ายเพียง 1 ดอลลาร์ก็สามารถเข้าพักได้แล้ว โดยรัฐสนับสนุนเบื้องต้นไปก่อน เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในไทย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อนคนท่องเที่ยวล้มหายตายจากเพิ่มอีก ขณะที่ นางสาว ศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ จำกัด กล่าวว่า ควรเร่งศึกษาแนวทางเปิดประเทศของประเทศอื่นๆ อาทิ สิงคโปร์ เพื่อลดความซับซ้อนของกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง และจำเป็นจะต้องมีโปรโมชันหรือแคมเปญ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ควรเปิดให้เข้าถึงการตรวจโควิด-19 ด้วยรูปแบบการตรวจแอนติเจนที่ทั่วโลกใช้งาน เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงการตรวจโควิด-19 ได้ด้วยตัวเอง ลดความหวาดกลัวของนักท่องเที่ยวต่อประเทศไทย สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกที่เดินทางมาคือ กลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพราะไทยโดดเด่นเรื่องอากาศ อาหาร สมุนไพร และเพิ่งเปิดเรื่องเสรีกัญชากัญชง จึงเป็น 3 จุดที่สามารถสร้างความแตกต่างให้ต่างชาติอยากเข้ามาในประเทศได้ แต่ภาครัฐต้องเปลี่ยนแนวคิดก่อน หันมาให้ความสำคัญในประเด็นว่า จะทำอย่างไรให้คนมา ตามด้วยเรื่อง รักษาความปลอดภัยได้ยังไง เพราะถ้าคิดตั้งกฎก่อน การท่องเที่ยวก็จะไม่เกิด ร่วมผลักดันสร้างจุดท่องเที่ยวปลอดภัย ด้าน นางพิศมัย ศุภนันตฤกษ์ อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดระยอง และเจ้าของโรงแรมโนโวเทล ระยอง สตาร์คอนเวนชั่น กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเสม็ดได้รับการฉีดวัคซีนทั้งหมดแล้ว ดังนั้นจึงมีความพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และอยากผลักดันให้เสม็ดสามารถเดินหน้าได้เหมือนกับ #ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ภายใต้ชื่อ #เสม็ดแซนด์บ็อกซ์ เพราะคนบนเกาะฉีดวัคซีนครบ 100% แล้ว พื้นที่ปลอดภัยควรถูกทยอยเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้ภาพรวมท่องเที่ยวไทยค่อยๆ ฟื้นตัว ส่วน นางสาวอลิสา พันธุศักดิ์’ เจ้าของทิฟฟานี โชว์ พัทยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาบุคลากรท่องเที่ยวไม่ค่อยได้รับความช่วยเหลือ บุคลากรทางด้านการท่องเที่ยวมีต่างชาติมากมาย จำเป็นจะต้องได้รับวัคซีนเช่นเดียวกันกับคนไทย เพราะอยู่ในประเทศไทย ทำงานให้กับคนไทย และเจ้าของกิจการก็จ่ายภาษีไปแล้วจำนวนมาก อีกประเด็นสำคัญคือ การเยียวยา ซึ่งในส่วนของทิฟฟานีโชว์ พนักงานไม่ได้รับการเยียวยาจากประกันสังคม เพราะจดทะเบียนเป็นโรงมหรสพ-โรงละคร ขณะที่ นายเกษมสันต์ ยศรุ่งโรจน์’ เจ้าของโรงแรมน้ำเพียงดิน บูติก โฮเทล เชียงใหม่ กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องมีความจริงใจทั้งกับเรื่องวัคซีนหรือการเยียวยาผู้ประกอบการโรงแรม ไม่ใช่ทำเป็นเพียงหนังสือราชการมาแจ้งหน่วยงาน ให้โรงแรมให้ความร่วมมือ เช่น น้ำเพียงดิน บูทิค โฮเทล เชียงใหม่ ได้รับผลกระทบเรื่องเงินทุน ไปขอกู้จากธนาคารใดก็ไม่ได้ แม้จะเสียเงินค่าประเมินไปแล้วก็ตาม ซึ่งก็ต้องควักทุนเองไปกว่าสิบล้านบาทแล้ว เพื่อประคองการจ้างงานและพนักงานจำนวน 19 คนเอาไว้ เพราะทำงานร่วมกันมานานกว่า 8 ปี รวมถึง นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(บมจ) ณุศาศิริ ได้กล่าวว่าตนเองได้ร่างจดหมายเปิดผนึก ถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยว ร่วมผลักดันสร้างจุดท่องเที่ยวปลอดภัย ใช้ My ozone Green box เป็นโมเดลต้นแบบนำร่องท่องเที่ยวไทยไร้โควิด โดยสร้างมาตรฐานหลักเกณฑ์ของผู้เข้าพักเสมือนการรับแขกจากต่างประเทศเช่นเดียวกับจังหวัดภูเก็ต และที่จะมีการขยายไปจังหวัดใกล้เคียงอื่น ๆ อาทิ กระบี่ พังงา หรือเกาะสมุย ซึ่งมีข้อกำหนดของบุคคลที่เข้าพัก หรือเข้ามาใช้บริการของโครงการต้องได้รับวัคซีนหรือผ่านการสว๊อตเทสมา แล้วแต่ถ้ายังไม่มีทั้งสองรายการ เบื้องต้นทางโครงการมีเจ้าหน้าที่บริการตรวจสว๊อตก่อนเข้าพักในโครงการทุกราย และหากมีผลเป็นผลลบ จึงจะอนุญาตให้เขาพักได้ โดยจะเริ่ม 1 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป